แม้ว่า FromSoftware อาจยืนกรานอย่างเด็ดขาดว่า Sekiro: Shadows Die Twice จะเป็นเกมใหม่ที่มีความแตกต่างไปจาก Souls ซีรีส์ที่เคยสร้างชื่อให้กับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังคงมีสิ่งที่พวกเขาเองก็ไม่สามารถละทิ้งไปได้เนื่องจากรากฐานของเกมที่ได้กลายเป็นรูปแบบของความร่วมสมัยไปแล้วในวิดีโอเกมยุคปัจจุบัน นั่นจึงได้ทำให้ระบบศูนย์กลางหรือ Hub ของเกมที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ต่างๆ ของ Sekiro: Shadows Die Twice จะยังคงไว้ซึ่งความเป็น Souls ที่มาพร้อมกับเอกลักษณ์ของมันเอง
ในเกม Dark Souls เราจะมีจุดศูนย์กลางในการเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ต่างๆ ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และใน Sekiro: Shadows Die Twice จุดศูนย์กลางที่ว่าก็คือ ‘วัดโบราณ’ อันเก่าแก่ที่ได้ถูกทิ้งเอาไว้จนทรุดโทรม เราจะยังไม่สามารถเข้าถึงมันได้ในตอนเริ่มเกม แต่หลังจากที่เล่นไปได้ไม่นานจนเนื้อเรื่องได้ดำเนินมาจนถึงจุดจุดหนึ่ง เราก็จะสามารถเข้าถึงพื้นที่ในส่วนนี้ได้ และสามารถทำได้ผ่านทาง ‘เทวรูปของช่างแกะสลัก‘ (Sculptor’ s idols) ที่เปรียบเสมือนกับ Bonfire หรือจุดวาร์ปของ Sekiro: Shadows Die Twice หรือเราอาจจะใช้ไอเทมบางอย่างในการวาร์ป กลับไปยังวัดแห่งนั้นทันทีก็ได้เช่นกันดังเช่นการใช้ Homeward Bone ในเกม Dark Souls
ในวัดเราจะสามารถพูดคุยกับตัวละครต่างๆ รวมไปถึงสามารถนำเอาไอเทมบางอย่างไปมอบให้กับ ‘ช่างแกะสลัก‘ ได้เพราะเขาคือหนึ่งในตัวละคร ที่จะทำให้เราสามารถพัฒนาทักษะและขีดความสามารถของเราให้มากยิ่งขึ้น อีกหนึ่งตัวละครที่จะมีบทบาทสำคัญอันแสนคุ้นเคยสำหรับเราก็คือตัวละครที่ชื่อว่า ‘Emma‘ ที่เราสามารถนำเอา ‘เมล็ดน้ำเต้า‘ (Gourd Seeds) ไปมอบให้กับเธอได้ เพื่อที่เราจะได้มาซึ่งการใช้ ‘น้ำเต้าสำหรับการฟื้นฟูพลัง‘ (Healing Gourd) ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเราจะสามารถกลับมาเติมเต็มมันได้ตลอดเวลาที่ เทวรูปของช่างแกะสลักดังเช่น ‘Estus Flask’ ของเกม Dark Souls
อีกหนึ่งตัวละครที่อาศัยอยู่ในวัดแห่งนี้ก็คือ ‘ทหารผู้ไม่มีวันตาย‘ (Immortal Soldier) เขาจะทำหน้าที่เป็นคู่ซ้อมให้กับเราเปรียบเสมือนหุ่นฟางสำหรับการฝึกซ้อมการโจมตีในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเขาจะคอยสอนการใช้ไอเทมต่างๆ ท่วงท่าการเคลื่อนไหว และศิลปะการต่อสู้ต่างๆ ที่เราจะได้นำเอาไปใช้การเกมการเล่นอีกด้วย นอกจากนี้เขาก็ยังจะมีเทคนิคต่างๆ เล็กๆ น้อยมาคอยสอนให้กับเรา ทั้งเทคนิคในการหลีกเลี่ยงการโจมตีจากศัตรู เทคนิคในการปัดป้องหรือการทำ Parry กลวิธีในการรับมือกับการโจมตีที่พุ่งเข้ามา และเราก็ไม่ต้องออมมือให้กับเขา ยามเมื่อทำการฝึกซ้อมเพราะเขาคือทหารผู้เป็นอมตะ และมันก็เป็นสิ่งที่ดูจะไม่น่ารื่มรมย์สำหรับเขาสักเท่าไหร่
คุณ Yasuhiro Kitao ผู้จัดการด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์จาก FromSoftware ได้บอกไว้ว่า “ถ้าคุณรู้สึกคุ้นเคยกับเกม Souls คุณก็จะรู้ได้ทันทีเลยว่าคุณจะสามารถไปตามหา NPC ได้ที่ไหนในโลก”
บางทีพวกเขาอาจจะเป็นพ่อค้า บางทีพวกเขาก็อาจจะมีอะไรบางอย่างมาให้คุณ บางทีพวกเขาก็อาจจะตามกลับไปที่ Hub ที่ซึ่งคุณสามารถพูดคุยกับพวกเขาในการดำเนิน Quest ต่อไปได้
และก็อย่างที่เราได้บอกไปว่า วัดที่กำลังทรุดโทรมแห่งนี้คือจุดศูนย์กลางหรือ Hub ของเกม แต่ด้วยเกมการเล่นและการนำเสนอที่แตกต่างไปจาก Dark Souls มันจึงไม่ได้มาพร้อมกับตัวเลือกของเส้นทางที่หลากเท่า โดยคุณ Kitao ได้อธิบายว่า “มันจะไม่มีเส้นทางที่แตกแขนงออกไปทุกทิศทางตั้งแต่จุดเริ่มต้น อาจจะบอกได้ว่ามันก็ไม่ใช่เกมที่มีการดำเนินไปอย่างเป็นเส้นตรงจาก A ไป B ไป C เสียทีเดียว ถึงจุดจุดหนึ่งคุณจะมีเส้นทางที่แตกแขนงออกไปเหมือนทางสามแพร่งที่แยกออกจากตัวถนน”
เราจะได้พบเจอเหล่าตัวละครในเกมตลอดทั้งการเดินทางมากขนาดไหน ในตอนนี้ก็ยังคงไม่อาจรู้ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณ Hidetaka Miyazaki ผู้กำกับของ Sekiro: Shadows Die Twice คอยย้ำชัดก็คือ เกมจะมีความเปิดกว้างที่ยิ่งกว่าเกมก่อนหน้าที่พวกเขาได้เคยสร้างมา “เรารู้สึกว่า Sekiro อาจจะเป็นเกมที่พาเรามาจนถึงสุดขอบของแนวคิดและวิธีการในเชิงของการให้อิสระกับผู้เล่นในการออกสำรวจโลก หากเราเทียบกับเกมก่อนหน้าที่เราได้สร้าง” เขาอธิบาย “โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงกลางเกมเป็นต้นไป โลกของเกมก็จะเปิดกว้างมากขึ้น และคุณก็จะพบเจอกับทางเลือกและอิสระ ที่ซึ่งจะนำพาลำดับและเส้นทางมาให้คุณได้เลือกในการสำรวจ”
Sekiro: Shadows Die Twice จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มีนาคมนี้ ทั้งบน PC, Xbox One และ PlayStation 4 โดยตัวเกมจะมีการรองรับการแสดงผลภาษาไทยอย่างเป็นทางการ และสามารถอ่านเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับ Sekiro: Shadows Die Twice ได้ที่: ทุกเรื่องราวและรายละเอียดของ Sekiro: Shadows Die Twice
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
Here’s What You Can Do In Sekiro’s Hub Area
Sekiro: Shadows Die Twice will boast a more open-ended world compared to the Souls series