ท่ามกลางเกมแนวตะลุยดันเจี้ยน (dungeon crawler) ที่เริ่มมีออกมาให้เราได้เล่นมากขึ้นในทุกๆ วันจากแวดวงของเหล่านักพัฒนาอิสระ แต่มันก็จะมีเพียงไม่กี่เกมเท่านั้นที่สามารถสร้างความโดดเด่น เป็นปัจเจกที่แตกต่างไปจากเกมอื่นๆ ได้ หนึ่งในนั้นก็คือ Children of Morta ผลงานจากทีมงาน Dead Mage หนึ่งในโปรเจกต์เกม Kickstarter ที่ผ่านการเดินทางในช่วงของการพัฒนามาอย่างยาวนาน กับการนำเอาองค์ประกอบหลายๆ อย่างจากเกมหลายๆ เกมมาผนวกรวมเข้าไปด้วยกัน พร้อมกับกลไกในการขับเคลื่อนเรื่องราวกับคำว่า “ครอบครัว”
ฉากหน้าของ Children of Morta อาจจะเหมือนว่ามันเป็นเพียงแค่เกมแนวตะลุยดันเจี้ยนที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งในระยะหลังเราก็ได้เห็นเกมในแนวนี้ที่ได้ออกมาเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมและมีเอกลักษณ์ไม่ว่าจะเป็น Hyper Light Drifter ที่โดดเด่นด้วยงานศิลป์อันเป็นเอกลักษณ์ Crypt of the NecroDancer ที่นำเอาการจับจังหวะมาผนวกเข้ากับรูปแบบของเกม หรือล่าสุดเกมอย่าง Moonlighter เองก็ยังโดดเด่นด้วยการนำเอาองค์ประกอบของการค้าขายเข้ามาให้ผู้เล่นได้รู้สึกถึงความสดใหม่ในเกมแนวนี้ที่มักมีออกมาให้เราได้เล่นกันอย่างไม่ขาดสาย
แต่แทนที่ Children of Morta จะนำเอาความแปลกใหม่มาให้กับผู้เล่น ทีมพัฒนา Dead Mage กลับเลือกที่จะนำเอาองค์ประกอบของสิ่งที่มันควรจะเป็น และควรจะมีจากเกมในแนวนี้มาผสานรวมกันได้อย่างกลมกล่อม ทั้งยังผนวกเข้ากับกลไกในการเล่าเรื่องอันชาญฉลาดของเกมอีกด้วยและยังมีความแปลกใหม่อย่างที่เราไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในเกมแนวนี้อีกด้วย
Narrative
ส่วนใหญ่แล้วเกมจากทีมนักพัฒาอิสระที่ชูระบบการเล่นที่โดดเด่นนั้น มักจะติดหล่มกับเรื่องราวของเกมที่ไม่ค่อยจะมีรายละเอียดมากนัก ซึ่งมันก็เป็นเพราะพวกเขาต้องการที่จะชูระบบการเล่นเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขานั่นเอง และส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะต้นทุนในการพัฒนาที่ไม่ได้มากมายที่ทำให้ไม่สามารถลงทุนลงแรงไปกับในส่วนนี้ได้ Children of Morta เองก็เช่นเดียวกัน และมันก็เป็นที่มาของกลไกอันชาญฉลาดของการเล่าเรื่องที่มันจะทำการบอกเล่าการกระทำต่างๆ ของตัวละครในรูปแบบของการเล่านิทานที่ใช้ผู้บรรยายเพียงแค่คนเดียวนั่นเอง และการเล่าเรื่องราวในรูปแบบของนิทานนี้ก็ผสานเข้ากับเรื่องราวแฟนตาซีของ Children of Morta ได้อย่างแยบคายอีกด้วย
ในเกม Children of Morta นั้นเรื่องราวของเกมจะมีใจกลางอยู่ที่ครอบครัวตระกูล Bergson ที่อาศัยอยู่ใต้เนินเขา Morta ที่อยู่ๆ วันหนึ่งเหตุการณ์อันเลวร้ายบางอย่างก็ได้เกิดขึ้นบนยอดเขาและทำให้สิ่งชั่วร้ายที่ถูกเรียกขานว่า “The Corruption” ได้กำเนิดขึ้นมา มันได้คลืบคลานออกทำลายทุกสรรพสิ่่งที่ขวางหน้า และมันก็เป็นหน้าที่ตามคำพยากรณ์ที่แม่เฒ่าแห่งตระกูล Bergson ได้รับมาจากเทพเจ้านั่นเองในการที่จะต้องนำพาเหล่าสมาชิกในตระกูลกอบกู้วิกฤติในครั้งนี้ และค้นหาต้นกำเนิดของ The Corruption ให้ได้
เมื่อผู้เล่นดำเนินเกมการเล่นไป เรื่องราวในเกมนั้นก็จะมีการเปิดเผยให้เราได้รู้ถึงปริศนาที่ซ่อนอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ และเราก็จะได้เรียนรู้ถึงปูมหลังของโลกในเกม รวมไปถึงความสัมพันธ์ของเหล่าสมาชิกในครอบครัวที่ไม่มีซึ่งตัวละครเอกใดๆ ในการขับเคลื่อนเรื่องราว เพราะทั้งครอบครัวตระกูล Bergson ก็คือตัวเอกของเรื่องราวใน Children of Morta นั่นเองซึ่งเราจะได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากกลไกของเกมการเล่นเกมอีกด้วย น่าเสียดายที่บางครั้งเรื่องราวปูมหลังบางอย่างก็ไม่น่าสนใจเท่าใดนัก ความสัมพันธ์บางอย่างเรามักเห็นกันอย่างดาษดื่นในหนังแอนิเมชันของ Pixar ที่มักจะนำเสนอเพียงแค่มิติเดียว แต่อย่างไรเสีย Children of Morta ก็เปรียบเสมือนนิทานปรัมปราที่มักมีผู้เล่าให้เราฟังกันก่อนนอน ซึ่งก็พิสูจน์ได้ด้วยการที่มันก็ยังเป็นสูตรสำเร็จที่ยังสามารถใช้งานได้มาจนถึงทุกวันนี้
Direction
โดยพื้นฐานแล้ว Children of Morta คือเกมแนวตะลุยดันเจียน (dungeon crawler) ในรูปแบบ rogue-like โดยมีมุมมองจากด้านบนและเชื่อได้ว่านักเล่นเกมที่เจนจัดหรือขาจรนั้นก็สามารถเข้าถึงมันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความเป็น rogue-like นั้นเกมก็ได้ถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นต้องตายซ้ำตายซาก เพื่อเรียนรู้จากความผิดพลาด ทุกๆ ครั้งที่ผู้เล่นตายในกลางดันเจียนจะต้องกลับมาแก้ตัวที่จุดเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง จนกว่าผู้เล่นจะสามารถพิชิตดันเจียนนั้นๆ ได้สำเร็จ และมันก็ยังมาพร้อมกับองค์ประกอบที่เกมในแนวนี้หลายเกมนิยมใช้อย่างระบบการสุ่มรูปแบบของแผนที่ในทุกๆ ครั้งที่ได้รับรากฐานสืบต่อกันมาจากเกมอย่าง Diablo นั่นเอง
ซึ่งใน Children of Morta นี้ผู้เล่นก็จะต้องนำพาสมาชิกตระกูล Bergson ออกตะลุยไปในดันเจี้ยนทั้ง 3 แห่งเพื่อช่วยเหลือเหล่าเทพเจ้าผู้ปกปักษ์รักษาเทิอกเขาแห่ง Morta เพื่อหาหนทางในการกำจัด The Corruption ให้หมดสิ้นลงให้ได้ โดยผู้เล่นจะได้เลือกสมาชิกหนึ่งคน (หรือ 2 คนหากเล่นในรูปแบบ Co-op) ซึ่งเกมก็จะให้เราได้เริ่มเล่นด้วยตัวละครที่จำกัด ด้วยตัวละครอย่าง John คุณพ่อยอดนักรับที่มาพร้อมกับความสามารถในการต่อสู้ดาบและการใช้โล่ป้องกัน กับ Linda น้องสาวที่เชี่ยวชาญในการโจมตีจากระยะไกลด้วยธนู ซึ่งเมื่อเกมดำเนินไป ไม่ว่าผู้เล่นจะสามารถตะลุยผ่านดันเจี้ยนไปได้แค่ไหน ไม่ว่าจะสามารถพิชิตดันเจียนได้หรือไม่ เกมก็จะมีการบอกเล่าเรื่องราวของเหล่าตัวละครที่ได้ดำเนินไปทั้งโดยตรง และโดยคู่ขนาน เรื่องราวใหม่ๆ ที่ไม่คาดคิดและยังเป็นการปลดล็อกฟีเจอร์ต่างๆ และตัวละครอื่นๆ ให้กับผู้เล่นอีกด้วยผ่านกลไกการเล่าเรื่องอีกด้วย
ตัวอย่างเช่นตัวละครอย่าง Kevin ลูกชายของ John นั้นเราก็จะได้เรียนรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขาที่ต้องการเดินตามรอยของพี่ชายในการออกผจญภัย ในระหว่างที่คุณพ่อ John และ Linda กำลังออกเดินทางอยู่ ซึ่งเมื่อถึงเงื่อนไขบางอย่างเมื่อผู้เล่นสำรวจดันเจียนแบบสุ่มไปจนถึงจุดที่เหมาะสมจนพบเงื่อนไขบางอย่างผู้เล่นก็จะได้พบกับเรื่องราวที่ดำเนินไปของ Kevin และสามารถนำเขามาใช้เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่สามารถใช้ในการตะลุยดันเจียนได้นั่นเอง ซึ่งในเกมมีตัวละครจากตระกูล Bergson ให้ปลดล็อกอีกถึง 4 ตัวละครและแต่ละตัวนั้นก็ยังมาพร้อมรูปแบบการเล่นพื้นฐาน ผังทักษะความสามารถให้ทำการอัปเกรด และแนวทางในการเล่นที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน
นอกจากเหล่าสมาชิกที่ทำหน้าที่ในการออกตะลุยดันเจียนแล้ว สมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว Bergson จะก็ทำหน้าที่คอยสนับสนุนอยู่ที่บ้าน ตัวอย่างเช่น แม่เฒ่า Magaret นั้นก็จะทำหน้าที่ในการอัปเกรดรูน หรือพลังเวทย์ต่างๆ ที่ผู้เล่นจะได้พบเจอในระหว่างตะลุยดันเจียน หรือลุง Ben ที่จะทำหน้าที่ในการอัปเกรดอุปกรณ์ต่างๆ ของผู้เล่นให้มีค่าพลังที่มากขึ้นอย่างถาวร ซึ่งเมื่อผู้เล่นตายในระหว่างการลงดันเจียน หรือไม่กระทั้งทำการพิชิตบอสของดันเจียนได้ก็ตาม สิ่งที่ผู้เล่นจะได้รับกลับมาก็มีเพียงแค่ค่าประสบการณ์ที่ใช้ในการอัปเกรดทักษะ และเงินเพื่อนำมาใช้ในการอัปเกรดรูนและอุปกรณ์เท่านั้น ซึ่งก็น่าเสียดายเหมือนกันที่เกมไม่ได้ให้รางวัลกับทักษะความสามารถของผู้เล่นมากเท่าที่ควร
นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่เกมยังทำได้ไม่ดีพอก็ยังเป็นในส่วนของสมดุลของตัวละครอีกด้วย ซึ่งตัวละครบางตัวนั้นมีความสามารถที่เล่นง่ายกว่าตัวละครอื่นอย่างชัดเจน แต่อย่างที่เราได้กล่าวไปว่าใน Children of Morta นั้นมันไม่มีตัวละครเอกใดๆ เพราะเกมได้ออกแบบมาให้ผู้เล่นต้องทำการสลับสับเปลี่ยนสมาชิกในการตะลุยดันเจียนตลอดเวลาด้วยค่าความเหนื่อยล้า และค่าการถูก Corruption ที่จะมาลดทอนพลังกายของตัวละครนั้นๆ ซึ่งจะฟื้นฟูก็ต่อเมื่อผู้เล่นสลับไปเล่นตัวละครอื่นๆ เป็นช่วงเวลาหนึ่งนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีด้วยระบบสับเปลี่ยนตัวละครนี้ทางทีมงานจึงได้มีการออกแบบบอสและศัตรูต่างๆ ให้มีรูปแบบในการรับมือกับการโจมตีที่แตกต่างกันอีกด้วย แม้จะไม่ชัดเจนมากนัก แต่การใช้ตัวละครที่ถูกต้องและถูกเวลามันก็จะทำให้การผจญภัยของผู้เล่นมีความง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว (และจะง่ายกว่ามากๆ หากเล่นแบบ Co-op)
Visual & Sound Design
ว่ากันตามตรงแล้วในส่วนของงานภาพและเสียงของ Children of Morta มันก็ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นไปจากเกมอื่นๆ มากนัก มันยังคงนำเสนอด้วยภาพกราฟิกในรูปแบบ Pixelated ตามสมัยนิยมของเหล่านักพัฒนาเกมอิสระ ด้วยต้นทุนที่ไม่มากและยังคงแฝงไว้ซึ่งกลิ่นอายของความคลาสสิคได้ แต่สิ่งหนึ่งของ Children of Morta ที่ดูเหมือนจะทำให้มันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็คืองานศิลป์ที่ได้รับกลิ่นอายจากทางฝั่งเทพนิยายจากตะวันออกกลาง ทั้งแนวคิดของเรื่องเทพเจ้าที่อยู่ในเรื่อง งานออกแบบเหล่าสัตว์ประหลาด สถาปัตยกรรมต่างๆ ซึ่งมันก็น่าจะเป็นสิ่งถนัดของทีมงาน Dead Mage จากผลงานในอดีตของพวกเขาที่ได้เคยนำเอา Garshasp ปกรณัมวีรบุรุษแห่งเปอร์เซียมาสร้างเป็นวิดีโอเกมที่ชื่อว่า Garshasp: The Monster Slayer นั่นเอง แต่สิ่งหนึ่งที่เกมน่าจะทำออกมาได้ดีกว่านี้ก็คือความลื่นไหลของแอนิเมชันของตัวละครและเสียงเอฟเฟกต์จากการโจมตีนั่นเอง ที่มันยังได้ส่งผลไปยังสมดุลของตัวละครต่างๆ และยังไม่สามารถสร้างความพึงพอใจจากการกำราบเหล่าศัตรูได้เท่าที่ควร
Summary
Children of Morta คือเกมแนวตะลุยดันเจียนที่มีทุกสิ่งอย่างที่มันควรมี มันไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่น และก้าวล้ำดังเช่นเกมอื่นๆ ที่ได้ออกวางจำหน่ายและได้รับการพูดถึงในวงกว้าง แต่องค์ประกอบที่พึงมีเหล่านี้ของมันกลับถูกถักทอด้วยเรื่องราวและกลไกในการเล่าเรื่องที่ผ่านการออกแบบมาอย่างชาญฉลาดไปพร้อมกับเรื่องราวการผจญภัยของครอบครัว Bergson อันแสนอบอุ่น ก็ได้ทำให้ Children of Morta กลายเป็นหนึ่งในเกมที่มีความเป็นปัจเจกด้วยตัวของมันเองอย่างได้แยบคาย