เป็นภาคที่เน้นเรื่องโลกของเกมเป็นพิเศษ สำหรับ Watch Dogs: Legion ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเป็นเอกลักษณ์ของตัวละครที่ไม่ใช่ผู้เล่น (NPC) จากระบบสุ่มของเกม และรายละเอียดพื้นที่ภายในอาคารที่มากขึ้นกว่าก่อน ถึงแม้ว่าขนาดของโลกใกล้เคียงภาคเก่า แต่เต็มไปด้วยความหลากหลายและความมีชีวิตชีวา
จากบทสัมภาษณ์ของสำนักข่าว The Gamer คุณ Kaitlin Tremblay ผู้ออกแบบการเล่าเรื่อง กล่าวถึงสถานที่ในเกม “สำหรับฉัน มันเปรียบเทียบยากนะ มันรู้สึกค่อนข้างเท่า ๆ กัน แต่ London อัดแน่นไปด้วยความมีชีวิตชีวา เรามีหลายเขตที่เล่นได้จากพื้นที่ London จริง ซึ่งความรู้สึกมันแตกต่างกันไปในแต่ละเขต ทุกพื้นที่ในโลกจะมีความเป็นตัวเอง” คุณ Tremblay กล่าว
“การเดินทางจาก Westminster ไปถึง Camden คุณรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลง แผนที่ให้ความรู้สึกถึงความมีชีวิตชีวา, สมจริง และใหญ่โต เพราะมีความรักเต็มเปี่ยมถูกใส่ไปในแต่ละเขต และให้มั่นใจว่าเขตดังกล่าวนำเสนอถึงสิ่งที่อยู่ในโลก” เธอกล่าวต่อ “และจากนั้นคุณจะเห็นภาพสะท้อนในผู้คน ผู้คนใน Westminster จะมีความเป็นนักท่องเที่ยวและมีธุรกิจมากกว่า เมื่อเทียบกับ Camden” ฉะนั้น ไม่ใช่เพียงความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ ผู้คนภายในเขตก็เติมเต็มบรรยากาศในเกมให้มีชีวิตชีวาเช่นกัน และนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ Watch Dogs: Legion มีความแตกต่างจากภาคก่อน
โดย Watch Dogs: Legion เคยมีกำหนดปล่อยให้เล่นในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2020 แต่มีการเลื่อนกำหนดการในภายหลัง อย่างไรก็ดี ตัวเกมยังมีกำหนดในปี 2020 เช่นเดิม