วันที่ 1 สิงหาคม เวลา 17.00 น. ตามเวลาในกรุง วอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เมืองทั้งเมืองจะเต็มไปด้วยความเงียบงัน ก่อนที่เสียงสัญญาณไซเรนจะแผดร้องออกมา เป็นสัญญาณบ่งบอกให้สิ่งต่างๆ ที่กำลังดำเนินอยู่ในเมืองหลวงเริ่มหยุดลงอย่างเชื่องช้าเพื่อหยุดรำลึกถึงอดีตในวันดังกล่าวเมื่อ 74 ปีที่แล้ว มันคือวันที่ผู้คนนับร้อยทั้งชายและหญิง รวมไปถึงลูกเด็กเล็กแดง ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจในเหตุการณ์ “การก่อการกำเริบวอร์ซอ” นั่นเอง
การก่อกำเริบวอร์ซอ (Warsaw Uprising) เป็นเศษเสี้ยวหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ผู้คนภายนอกโปแลนด์น้อยคนจะได้รู้จัก มันคือการต่อต้านของเหล่าผู้คนชนกลุ่มน้อยที่ได้หยิบอาวุธขึ้นสู้ท่ามกลางสงครามโลกอันโหดร้ายโดยไร้ความช่วยเหลือ และพวกเขาก็ได้ยืนหยัดต่อสู้ร่วมเป็นเวลา 63 วันก่อนที่การก่อการกำเริบครั้งนั้นจะได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ
วอร์ซอเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานร่วม 1400 ปี แต่เชื่อได้ว่าหากใครเคยได้สัมผัสเมืองหลวงของประเทศโปแลนด์แห่งนี้ มันจะเต็มไปด้วยความรู้สึกของตัวเมืองที่มีความสมัยใหม่ มันไม่มีแม้กระทั่งโบสถ์หรือปราสาทที่คลาคล่ำดังเช่นเมืองในยุโรปอื่นๆ เพราะตัวเมืองในยุคดั้งเดิมได้ถูกทำลายลงไปแล้วว่า 85 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่เหตุการณ์ “การรุกรานโปแลนด์” ในปี 1939 และเหตุการณ์ “การก่อกำเริบวอร์ซอ” ในปี 1944 นั่นเอง
“ไม่มีใครที่รู้ประวัติศาสตร์ของประเทศอื่นจริงๆ หรอกครับ ซึ่งผมก็คิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นๆ คิดว่าควรรู้” คุณ Krzysztof Paplinski ผู้อำนวยการผู้สร้างเกม Warsaw กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับทาง Eurogamer “ทุกๆ คนมักจะสนใจแต่สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาเท่านั้น และบางครั้งพวกเขาก็ไปไม่ได้ไกลนัก เรารู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของโปแลนด์ในช่วงที่ทรงพลัง ประวัติศาสตร์อันน่าสลด แต่ก็เป็นประวัติศาสตร์ที่มีความลึกซึ้ง และมันยังเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจไม่เพียงแค่ในเฉพาะที่วอร์ซอเท่านั้น แต่มันยังหมายถึงความเป็นโปแลนด์ทั้งหมดอีกด้วย”
แต่อย่างไรก็ดีทางคุณ Paplinski นั้นก็ไม่ได้ต้องการที่จะยัดประวัติศาสตร์ที่เหมือนกับแบบเรียนในโรงเรียนไปให้กับผู้เล่น โดยเป้าหมายของเขาก็คือมันจะต้องทำหน้าที่ของการเป็นเกมให้ประสบผลสำเร็จเพื่อที่จะได้ให้ผู้เล่นหวนกลับมาเล่นมันเรื่อยๆ ซึ่งเขาเชื่อว่าผู้เล่นจะซึมซับประวัติศาสตร์จากสิ่งเหล่านั้นเอง
และเพื่อการนั้นมันจึงทำให้ Warsaw จะเป็นเกมที่มีความท้าทายที่ผู้เล่นจะต้องมาเผชิญหน้ากับมันหลายต่อหลายรอบ คล้ายคลึงกับเกมอย่าง Sly the Spire ที่มาพร้อมกับลูปของเกมที่ทำให้ผู้เล่นกลับมาเล่นได้ซ้ำอย่างไม่รู้เบื่อ “เราคาดไว้ว่าคุณจะต้องล้มเหลวหลายครั้งเลยครับ” คุณ Paplinksi อธิบาย เป้าหมายของเกมคือการที่ผู้เล่นจะต้องทำการก่อกำเริบให้ได้เป็นเวลา 63 วันเหมือนดังเช่นเหตุการณ์ในชีวิตจริง และยังจะต้องพยายามบริหารจัดการขวัญกำลังใจของกลุ่มต่อต้านอีกด้วยโดยการออกไปทำภารกิจต่างๆ ในเขตตัวเมืองของกรุงวอร์ซอ
ภารกิจต่างๆ นั้นเกมจะสามารถเลือกได้ในแหล่งกบดาน (Hideout) ที่จะทำหน้าที่เป็นฮับที่ผู้เล่นจะสามารถเลือกอุปกรณ์สวมใส่ เพิ่มเลเวล และทำการรักษาตัวละครได้รวมไปถึงยังสามารถออกค้นหาผู้ร่วมการก่อการกำเริบได้อีกด้วย ซึ่งภารกิจต่างๆ ในเกมนั้นก็จะเป็นการออกไปค้นหาทรัพยากร การจัดการกับเหล่ากองทหารลาดตระเวนของนาซี หรืออื่นๆ ซึ่งเกมจะมีเหตุการณ์ที่รองรับภารกิจเหล่านั้น และยังมีหนทางอันหลากหลายให้ผู้เล่นต้องทำการรับมือ
รูปแบบการเล่นของภารกิจจะเป็นมุมมองจากด้านบน (top-down) ที่จะทำให้เราได้เห็นแผนที่ของกรุงวอร์ซอทั้งหมด โดยผู้เล่นจะต้องคอยหลบหลีกอันตรายต่างๆ เช่นการตรวจตราของทหารนาซี หรือการยิงต่อสู้กัน รวมไปถึงการไปให้ถึงจุดที่มีความสำคัญของภารกิจ ซึ่งเกมจะมีการเปลี่ยนแปลงมุมมองยามเมื่อต่อสู้ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับเกม Darkest Dungeon ที่จะเป็นการต่อสู้ในรูปแบบผลัดตาเดิน (turn-based) ในมุมมองแบบด้านข้างนั่นเอง
ซึ่งในการต่อสู้จะเราจะได้เห็นตัวละครของเราที่ยืนเป็นแถวเรียงกันสองแถวยืนประจันหน้ากับอีกฟากฝั่งของศัตรู ซึ่งเราจะสามารถใช้ความสามารถพิเศษต่างๆ ของตัวละครในการต่อสู้ได้ ซึ่งความสามารถแต่ละอย่างนั้นก็จะมีพื้นที่ใช้งานและพื้นที่ในการโจมตีที่แตกต่างกันอีกไป ซึ่งผู้เล่นนั้นจะต้องมีการบริหารจัดการจำนวนกระสุน ไอเทมต่างๆ และระดับความอดทน (stamina) ของผู้เล่นอีกด้วย และยิ่งผู้เล่นใช้ความสามารถพิเศษของตัวละครมากครั้งเท่าไหร่ ระดับความอดทนของพวกเขาก็จะหมดลงเร็วขึ้นเท่านั้น (และยิ่งตัวละครมีความสามารถที่ทรงพลังมากเท่าไหร่มันจะใช้ค่าพลังที่มากขึ้นด้วย) และเมื่อถึงจุดจุดหนึ่งหากเราบริหารจัดการพวกเขาได้มีดีพอ เหล่าตัวละครที่เรามีนี้ก็อาจจะแทบใช้งานไม่ได้เลย
ผู้เล่นจะสามารถเลือกตัวละครต่างๆ ในการออกทำภารกิจได้ที่แหล่งกบดาน และตัวละครที่ออกไปทำภารกิจมากก็อาจจะมีบาดแผลและอาการบาดเจ็บที่ยังคงติดตัวอยู่ได้ด้วย ซึ่งเราสามารถรักษาพวกเขาได้ในแหล่งกบดานแห่งนี้ แต่มันจะเป็นไปอย่างเชื่องช้ามากๆ แต่มันก็จะทดแทนด้วยตัวละครใหม่ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามาในทุกๆ เวลาหนึ่งสัปดาห์ภายในเกม “คุณจะได้เรียนรู้ในการดูแลพวกเขาทุกๆ คนไงครับ” คุณ Paplinski กล่าว
“เรารู้ดีว่าเรื่องราวมันน่าสนใจครับ และมันก็ทำให้ทุกคนเข้าใจเมื่อพวกเขาได้เรียนรู้มัน” เขาอธิบาย “ที่นี่คือใจกลางของยุโรป และเป็นที่ที่ เต็มไปด้วยความขัดแย้งมากที่สุดในโลก และผู้คนก็ไม่ได้ตระหนักถึงการพลังทลายลงของตัวเมืองเกือบทั้งหมด และการสูญเสียของผู้คนกว่า 200,000 ในวันนั้น ซึ่งพวกเขาแค่ยังไม่รู้”
“คุณจะได้รับข้อมูลบางอย่างและบางอย่างนั้นก็จะอยู่ติดตัวคุณไปหากคุณต้องการ คุณอาจจะขุดลงลึกไปให้มากขึ้น หรืออาจจะเพียงแค่หันหลังให้กับมันระดับผิวเผิน และนั่นแหละ เราเองก็ไม่ต้องการให้มันมาจากมุมมองที่ว่า ‘โอเค เราจะให้การศึกษากับผู้คน’ แต่เรารู้แน่ว่าถ้าเราสร้างเกมที่ดี มันจะให้ผลลัพธ์ท้ายสุดในการที่ผู้เล่นตระหนักถึงเหตุการณ์ในวันนั้นได้อย่างแน่นอน”
การก่อการกำเริบวอร์ซอ คือหนึ่งในการก่อการต่อต้านที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา มันคือการต่อต้านของกองกำลังใต้ดินในโปแลนด์ที่ต้องการปลดแอกจากการปกครองของกองทัพเยอรมันในช่วง ฤดูร้อนของปี 1944 ก่อนที่การรุกรานของโซเวียตจะมาถึง และด้วยความช่วยเหลือจากภายนอกเพียงน้อยนิดกลุ่มกองกำลังต่อต้านจึงไม่สามารถต้านทานกองกำลังนาซีได้ และผลจบลงสุดท้ายด้วยชัยชนะของเหล่านาซีในการกวาดล้างกลุ่มต่อต้านส่งผลให้กรุงวอร์ซอถูกเผาทำลาย และมีผู้เสียชีวิตไปกว่า 200,000 คน
Warsaw ผลงานของ Pixelated Milk จะวางจำหน่ายบน Steam ในวันที่ 2 ตุลาคมนี้ ซึ่งมันคือวันครบรอบการสิ้นสุด “การก่อการกำเริบวอร์ซอ” นั่นเอง