บอสในเกมของ FromSoftware อาจเรียกได้ว่าเป็นกุญแจสำคัญในแต่ละเกมที่พวกเขาได้สร้าง และมันก็มักสร้างความทรงจำให้กับเราในฐานะผู้เล่นและผู้เผชิญหน้าได้อย่างไม่รู้ลืม ไม่ว่าจะเป็นคู่หูอ้วนผอมอย่าง Ornstein และ Smough ในเกม Dark Souls ภาคแรก ไปจนถึงราชันย์ผู้ไร้นามอย่าง The Nameless King ใน Dark Souls 3 ทีมงาน FromSoftware ล้วนแล้วแต่ได้ออกแบบบอสแต่ละตัวมาอย่างประณีตและยังให้ซึ่งคุณค่าในการต่อสู้กับผู้เล่น แต่ด้วยระบบการต่อสู้ที่เปลี่ยนแปลงไปใน Sekiro: Shadows Die Twice มันก็จะทำให้การเผชิญหน้ากับบอสในเกมเกมนี้เป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม แต่ถึงกระนั้นแล้วมันก็จะยังคงไว้ซึ่งกลวิธีในแบบของ FromSoftware ที่ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย
ในซีรีส์เกม Dark Souls เกมจะเปิดให้ผู้เล่นสามารถสร้างตัวละครไปในแนวทางต่างๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นนักรบ, นักธนู หรือจอมเวท ทั้งยังเปิดให้ผู้เล่นสามารถเพิ่มค่าสถิติต่างๆ ของตัวละครได้อย่างอิสระ นั่นจึงทำให้ในการออกแบบบอสในเกม Dark Souls นั้นจำเป็นที่จะต้องคิดคำนึงถึงรูปแบบต่างๆ ที่ผู้เล่นเลือกเล่นเป็นหลัก
เราเคยมีการสร้างข้อจำกัดสำหรับพวกเราเองว่า เราจะสามารถสร้างสมดุลและทำการปรับแต่งมันได้มากแค่ไหน เพื่อให้มันรองรับกับรูปแบบการเล่นทั้งหมดนี้
คุณ Yasuhiro Kitao ผู้จัดการด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์จาก FromSoftware ได้บอกให้เราได้ฟังผ่านบทสัมภาษณ์จากทางเว็บไซต์ Game Informer “แต่ใน Sekiro เราจะมีตัวละครเอกที่ได้ถูกตั้งไว้แล้ว มันจึงทำให้เราสามารถสร้างประสบการณ์ในการเล่นแบบ Single Player ได้มากยิ่งขึ้น ทั้งการปรับแต่งบอสและการเผชิญหน้าต่างๆ ที่ทำให้มันต้องมีความเข้ากันกับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ของชิโนบิ เพื่อที่จะทำให้ผู้เล่นต้องใช้ทุกอาวุธยุทธภัณฑ์ที่มีจริงๆ รวมไปถึงไหวพริบในการใช้ทักษะต่างๆ ที่มีในเกมในการจัดการกับศัตรูอันสุดแสนท้าทาย”
และนอกจากระบบการต่อสู้ที่ผู้เล่นจะต้องใช้ทุกอาวุธนินจาที่มีแล้ว ใน Sekiro: Shadows Die Twice เกมยังมีพร้อมกับระบบการเคลื่อนย้ายที่มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในเกมๆ นี้เราก็จะทำได้ทั้งการว่ายน้ำ และแน่นอนว่าการใช้ตะขอ Grappling Hook ดังที่ได้เห็นกันในตัวอย่าง ก็จะเป็นส่วนสำคัญอย่างมากทั้งในการลอบเร้นและการต่อสู้กับบอสในเกม “ตัวเลือกของการเคลื่อนย้ายที่มากขึ้นทำให้มันมาพร้อมกับพลวัตของการเคลื่อนไหวที่มากยิ่งขึ้นในพื้นที่ต่อสู้ของบอส ทั้งในส่วนของตัวผู้เล่นเองและตัวละครที่เป็นบอสก็ด้วยเช่นกัน” คุณ Hidetaka Miyazaki ผู้กำกับและประธานของ FromSoftware อธิบาย “ในเกมก่อนๆ คุณจะทำได้เพียงแต่การวิ่งไปรอบๆ เท้าของบอสตัวใหญ่ๆ และจิ้มใส่ข้อเท้าของมันเท่านั้น แต่ด้วยตัวเลือกของการเคลื่อนที่เหล่านี้ คุณจะสามารถใช้มันในการขยายขอบเขตของพื้นที่การต่อสู้ได้มากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย”
แต่ก็ใช่ว่าบอสทุกตัวจะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถใช้ท่วงท่าของการเคลื่อนย้ายที่หลากหลายนี้ได้ทั้งหมด
มันมีการออกแบบการต่อสู้บอสที่ไม่เข้ากับสิ่งเหล่านั้น ถ้าเราสร้างบอสทุกตัวให้คุณสามารถใช้ Grappling Hook ดึงตัวเองไปรอบๆ ได้ หรือสามารถทำให้บอสทุกตัวสามารถฆ่าด้วยวิธีการลอบเร้นได้ มันก็จะดูเป็นหนึ่งเดียวกันและน่าเบื่อ
คุณ Miyazaki อธิบายถึงสาเหตุที่ต้องจำกัดรูปแบบการเคลื่อนที่ของผู้เล่น ในการออกแบบการต่อสู้บอสต่างๆ ที่มีในเกม เพื่อที่จะทำให้ผู้เล่นต้องมีการคิดตรึกตรองอยู่ตลอดเวลาก่อนจะเผชิญหน้ากับบอสแต่ละตัวที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน “ดังนั้นมันจึงทำให้เกมมีการต่อสู้บอสที่คุณอาจจะได้เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ ที่คุณจะต้องใช้พื้นที่ในการต่อสู้อย่างเต็มที่ด้วยการเคลื่อนอย่างคล่องแคล่วไปรอบๆ แต่บางทีมันก็อาจจะมีการต่อสู้ในแบบประจัญหน้า ที่คุณจะต้องใช้อาวุธและอุปกรณ์ทุกอย่างที่คุณมี”
หนึ่งในบอสของที่ทาง FromSoftware ได้นำมาให้ทีมงาน Game Informer ได้ทดสอบก็คือบอสที่ชื่อว่า ‘Lady Butterfly‘ แม้จะไม่ใช่บอสที่เป็นสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ แต่มันก็เป็นบอสในรูปแบบที่ผู้เล่นเกมของ FromSoftware น่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีราวกับว่าตัวเธอนั้นสืบสายเลือดมาจาก Father Gascoigne ใน Bloodborne หรือ The Abyss Watchers ใน Dark Souls 3 เธอมาพร้อมกับมีด Kunai ขนาดยาวในมือแต่ละข้าง ที่มาพร้อมกับความคล่องแคล่วว่องไวและความก้าวร้าวที่หมายปองชีวิตของผู้เล่น เธอสามารถพุ่งเข้าออกระยะการต่อสู้ของผู้เล่นได้ตลอดเวลาในหลากหลายมิติ ทั้งยังมีความสามารถในการป้องกันการร่นถอยด้วยมีด Kunai ที่มาปัดป้องการโจมตี และยังสามารถกระโดดไปมาบนเส้นลวดที่ทำให้เธอลอยอยู่กลางอากาศ นั่นจึงทำให้เป็นการยากที่จะจัดการเธอให้อยู่กับที่ และรูปการโจมตีของเธอก็จะทำให้ผู้เล่นต้องเคลื่อนที่หลบหลีกแทบจะตลอดเวลา
ระบบของท่วงท่าใน Sekiro: Shadows Die Twice ก็จะมีความแตกต่างไปจากที่เคยเป็นเช่นกัน Laday Butterfly นั้นไม่ได้เป็นอมตะในการโจมตีแม้ตัวเธอจะดูเป็นเช่นนั้น ซึ่งการที่จะทำลายท่วงท่าของเธอได้นั้นมันจำเป็นที่ผู้เล่นจะต้องคอยกดดันการโจมตีใส่เธอตลอด ซึ่งทำให้ในการถอยหนีแต่ละครั้งมันเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่มากขึ้นกว่าที่เคยเพราะยิ่งถอยหนีมากเท่าไหร่กระบวนการที่จะทำให้ท่วงท่าของเธอพังทลายจนเปิดช่องว่างให้เราได้โจมตีนั้นก็จะยิ่งใช้เวลามากขึ้น
แม้มันจะเป็นการยากในการตรึงเธอให้อยู่กับที่ แต่ด้วยอุปกรณ์สองสามอย่างก็จะทำให้การต่อสู้ครั้งนี้มีความง่ายขึ้น หนึ่งในนั้นคือดาวกระจายที่สามารถซัดใส่เธอได้ก่อนที่จะพุ่งโจมีตีเข้าใส่ เพื่อสร้างแรงกดดันให้กับเธอย่างต่อเนื่องเมื่อเธอถอยหนี นอกจากนี้ก็ยังมีประทัดชิโนบิที่ทำให้เธอมึนงงได้นานพอที่เราจะสามารถโจมตีเข้าใส่ได้มากกว่าที่เคย
แม้จะมีรูปแบบการโจมตีที่หลากหลาย แต่มันก็ไม่ได้มีความซับซ้อนเสียจนไม่สามารถจับจังหวะในการเข้าจู่โจมหวังปลิดชีพขนาดนั้น แต่หลังจากที่เธอตายไปในครั้งแรก เธอก็จะกลับลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยกลไกของการฟื้นคืนชีวิตในแบบที่ตัวผู้เล่นเองก็มี แต่ในการลุกขึ้นมาอีกครั้งเธอก็มาพร้อมกับความสามารถที่มากยิ่งขึ้นด้วยการสร้างภาพลวงตาจำนวนมากที่พร้อมจะเข้าจู่โจมใส่ผู้เล่นตลอดเวลา
คุณ Miyzaki ได้แอบแย้มให้ฟังอีกด้วยว่าในการต่อสู้กับบอสใน Sekiro: Shadows Die Twice มันจะมาพร้อมกับความประหลาดใจในขณะที่ผู้เล่นกำลังทำการต่อสู้อยู่เสมอ “ัมันมีปัจจัยในการแปรผันที่ขึ้นอยู่กับบอสในแต่ละตัว แต่ใช่ครับ คุณจะไม่ได้เห็นการต่อสู้เดิมๆ ตั้งแต่เริ่มจนจบแน่นอน พวกมันจะมีการเปลี่ยนแปลงไป แม้แต่จังหวะของการต่อสู้หรือแม้กระทั่งการมีองค์ประกอบใหม่ๆ ในระหว่างการต่อสู้ที่หลากหลายยิ่งกว่าเดิม”
แต่อย่างไรก็ดี เกมยังเปิดโอกาสให้กับผู้เล่นในแบบที่เกมก่อนๆ ไม่เคยทำมา ใน Sekiro: Shadows Die Twice มันจะเป็นเกมที่มีเรื่องราวดำเนินอยู่ในช่วงยุคสมัย ‘เซ็นโกคุ’ และท่ามกลางการผจญภัย ผู้เล่นก็จะได้พบเจอกับคำบอกใบ้ต่างๆ มากมายถึงกลวิธีในการเอาชนะศัตรูต่างๆ ในเกม ตัวอย่างเช่นก่อนการต่อสู้กับ Lady Butterfly หากผู้เล่นได้ไปยังห้องลับของเธอ ก็จะได้พบกับทหารนายหนึ่งที่กำลังจะตาย ที่เขาจะบอกกับเราว่า เราจะพบกับหายนะอย่างแน่นอนหากไม่มี ‘Snap Seed’ ที่ซึ่งเป็นไอเทมที่สามารถเอาไว้ใช้ลบคาถาภาพลวงตาของเธอได้ แต่ต่อให้เราจะลบภาพลวงได้ เธอก็ยังสามารถแปลงภาพลวงนั้นมาเป็นอาวุธระยะไกลเพื่อซัดใส่ผู้เล่นได้ในอีกทาง
คุณ Miyazaki ยังได้บอกอีกว่า Lady Butterfly เป็นเพียงหนึ่งในความประหลาดใจในอีกมากมายที่เขาและทีมงาน FromSoftware ได้สร้างไว้ ซึ่งในเกมยังมีบอสอีกมากมายหลายตัวที่เราในฐานะผู้เล่นจะต้องต่อสู้ หนึ่งในนั้นคือบอสที่มีรูปร่างคล้ายลิงที่ได้ปรากฏในตอนท้ายของตัวอย่างเกมที่ได้ออกฉายในงาน Tokyo Game Show เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเขาก็ยังได้เปิดเผยถึงรายละเอียดของบอสอีกตัวอย่างไม่ได้เจาะจงไปในรายละเอียดอีกด้วยว่า “คุณจะไม่ได้เห็นการต่อสู้กับบอสที่มีการใช้กลเม็ดแบบสกปรกบ่อยครั้งนัก พวกมันมีความคดโกงอย่างแท้จริง และก็มีเทคนิคที่เก็บซ่อนไว้อย่างแท้จริงเช่นกัน ซึ่งก็หวังว่าคุณจะรู้ได้ในทันทีที่คุณเห็นมันกับตา” นอกจากนี้เกมจะยังมีบอสที่ไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่องหลักของเกมอีกให้ผู้เล่นได้ค้นหา ซึ่งทางคุณ Miyazaki ก็ยืนยันชัดเจนว่ามันจะแข็งแกร่งอย่างที่ผู้เล่นใฝ่หาอย่างแน่นอน
ในเกมก่อนๆ ของ FromSoftware การจัดการบอสต่างๆ ของเกมนั้นจะทำให้เราได้มาซึ่งความเป็นมนุษย์ที่หวนคืนมาอีกครั้ง (Humanity Restored) และวิญญาณของบอสเหล่านั้นในการนำไปสร้างเป็นอาวุธอันทรงพลังเพื่อใช้ในการจัดการบอสตัวต่อๆ ไป แต่ใน Sekiro: Shadows Die Twice รางวัลที่ผู้เล่นจะได้รับมันจะมีความแตกต่างไปจากที่มันเคยเป็น ซึ่งในตอนนี้ทางทีมงานก็ยังไม่ต้องการที่จะเปิดเผยออกมาว่ามันจะมีรางวัลให้กับผู้เล่นในรูปแบบไหน แต่ทางคุณ Yasuhiro Kitao ก็ได้ยืนยันว่ามันจะเป็นสิ่งที่ผู้เล่นต้องการจากจัดการบอสแต่ละตัวอย่างแน่นอน “อยากให้ผู้เล่นได้รู้สึกประมาณว่า ‘เยี่ยม ฉันเอาชนะเจ้าบอสตัวนี้ได้ ฉันได้อะไรบางอย่างจากมันและฉันก็สามารถที่จะนำมันมาพัฒนาได้'” เขาอธิบาย “มันขึ้นอยู่กับบอสแต่ละตัว แต่สำหรับการเริ่มต้นในบอสช่วงแรกๆ ของเกมนั้นผู้เล่นก็จะได้รับไอเทมที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างเครื่องมือของแขนเทียมขึ้นมาใหม่ เพื่อที่จะเป็นการเปิดช่องให้กับการปรับแต่งทั้งหมดที่เกมมี”
Sekiro: Shadows Die Twice จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มีนาคมนี้ ทั้งบน PC, Xbox One และ PlayStation 4 โดยตัวเกมจะมีการรองรับการแสดงผลภาษาไทยอย่างเป็นทางการ และสามารถอ่านเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับ Sekiro: Shadows Die Twice ได้ที่: ทุกเรื่องราวและรายละเอียดของ Sekiro: Shadows Die Twice
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
Sekiro: Shadows Die Twice’s New Combat Options Means Bosses Are A Little Different