Final Fantasy 7 Remake: Part 2 เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการสร้างแล้ว

เป็นที่ทราบกันดีว่าเกม Final Fantasy 7 ในฉบับรีเมกจะมีการวางจำหน่ายโดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น Part และ Part แรกของเกมก็จะปล่อยออกมาให้เราได้เล่นกันในช่วงต้นปีหน้า แต่สำหรับ Part ต่อไปเราจะได้เล่นกันในตอนไหน บางทีมันอาจจะไม่จำเป็นต้องรอกันนานอย่างที่คาดคิดกันไว้ก็เป็นได้

จากรายละเอียดในบทความแนะนำเหล่าทีมพัฒนา Final Fantasy 7 Remake บน Blog อย่างเป็นทางการของ Square Enix ทางคุณ Tetsuya Nomura ผู้กำกับของเกมก็ได้ออกมากล่าวถึงสิ่งที่หลายคนต่างกำลังกังวลใจเกี่ยวกับขนาดของเกมใน Part แรกให้เราได้ทราบ และเขาก็ยังได้ออกมายืนยันอีกด้วยว่าในตอนนี้ Part ต่อไปก็ได้เริ่มมีการสร้างกันไปแล้ว

“โอกาสที่เราจะได้มาพูดคุยกันเกี่ยวกับความตั้งใจที่แท้จริงของเรานั้นมันมีไม่มากครับ แต่เรื่องขนาดของตัวเกมที่หลายคนกำลังถามถึงอยู่นั้น มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องกังวลแต่อย่างใด แม้แต่ในส่วนของ Midgar เพียงอย่างเดียวมันก็เต็มไปด้วยความหนาแน่น และมีปริมาณที่ยอดเยี่ยมมากๆ ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะเป็นการมอบทิศทางของตัวเกมได้อย่างชัดเจน”

“สำหรับเรื่องของตัวละครใหม่ที่หลายคนพูดถึง จากการที่ผมได้มีการพูดถึงในระหว่างการให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ มันจะ ‘ไม่มีอะไรทั้งนั้น’ ครับ เพราะพวกเขาไม่ใช่ตัวละครหลัก และจำนวนของพวกเขาก็ได้มีการเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่เราได้พิจารณาแล้วว่ามันเหมาะสมกับกระบวนการในการสร้างภาพจำลองของเมือง Midgar ที่แน่นขนัด เมื่อคุณนึกถึงบอสตัวสุดท้ายคุณอาจจะคิดถึง M.O.T.O.R แต่ในเกมนี้มันจะมีบอสใหม่อีกหลายตัวที่จะออกมาปรากฏตัวให้ได้เห็นและจะทำให้เรื่องราวมีความน่าสนใจที่มากขึ้นด้วย”

อีกสิ่งหนึ่งที่ทางทีมงานให้คำสัญญามาโดยตลอดก็คือแต่ละ episode ของเกมจะมีขนาดเท่ากับเกมเต็มๆ ที่ออกวางจำหน่ายซึ่งทางคุณ Nomura ก็ยังได้ให้รายละเอียดออกมาเล็กน้อยถึงขั้นตอนในการสร้างเกมที่เขาและทีมงานกำลังพัฒนากันอยู่ในตอนนี้

“เราได้เริ่มต้นทำงานสำหรับส่วนต่อไปแล้วเช่นกันครับ แต่เราก็มั่นใจว่าการเล่นเกมเกมนี้จะเป็นการขยายขอบเขตความคาดหวังของคุณให้กว้างไกลออกไปเช่นเดียวกับโลกของเกมที่จะมีการขยับขยายออกไปไกลกว่า Midgar”

แต่อย่างไรก็ดีทางคุณ Nomura เองก็ไม่ได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่าในตอนนี้ตัวเกมใน Part 2 นั้นอยู่ได้อยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาอย่างจริงจังหรือไม่ หรือจะเป็นเพียงแค่การเตรียมงานสำหรับการสร้างเท่านั้น ซึ่งเราก็คงต้องติดตามรายละเอียดกันต่อไป โดยหลังจากเกม Part แรกออกวางจำหน่าย คาดว่ารายละเอียดต่างๆ นั้นก็น่าจะเริ่มมีความชัดเจนที่มากยิ่งขึ้น

ff 7 remake chocobo

นอกจากนี้ใน Blog ของ Square Enix นั้นก็ยังมีทางทีมพัฒนาหลายคนที่ได้ออกมาบอกเล่าเรื่องราวการพัฒนาของตัวเกมในส่วนอื่นๆ ให้เราได้ทราบอีกด้วย หนึ่งในนั้นคือคุณ Kazushige Nojima มือเขียนบทของเกมในภาครีเมกนี้ที่ได้ออกมาเปิดเผยถึงความกังวลและความตื่นเต้นที่ผสมปนเปกันไปในระหว่างที่เขาได้เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเรื่องของภาครีเมก และยังรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงไปของตัวละครจากต้นฉบับ

“เกมในภาคต้นฉบับมีความคล้ายการ์ตูน ทั้งสไตล์ของงานศิลป์และเนื้อเรื่องที่สมบูรณ์ด้วยการที่ผู้เล่นได้ใช้จินตนาการในการมาเสริมเติมส่วนที่เกมไม่สามารถแสดงภาพออกมาได้ แม้กระทั่งต่อให้พวกเขาได้เห็นในฉากเดียวกัน ข้อมูลที่พวกเขาได้รับมาและการตีความมันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนครับ บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่เราได้นำมาพิจารณารูปแบบของเส้นเรื่องในยุคปัจจุบันนี้ก็เป็นได้”

“ใน Final Fantasy 7 Remake มันจะมีช่องว่างให้ผู้เล่นใช้จินตนาการน้อยลง มันคือความจริงที่อาจจะเป็นการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของเนื้อเรื่องที่ได้รับเป็นอย่างมาก และผู้คนที่เล่นภาคต้นฉบับมาก็อาจจะไม่รู้ถึงวิธีการในการที่จะได้รับมันก็เป็นได้ นี่แหละครับคือความกลัวที่ผมมีในตอนนี้ แต่ผมก็ยังมีความเชื่อมั่นว่ามันจะสามารถให้ความรู้สึกที่เชื่อมโยงได้อย่างลึกซึ้งกับ Cloud ในฐานะผู้เล่นที่ร่วมเดินทางไปพร้อมกันได้อย่างแน่นอน”

ff 7 remake jessie

คุณ Motomu Toriyama ผู้กำกับร่วมด้านการออกแบบฉากยังได้ออกมาพูดถึงฉากที่หลายคนถามถึง อย่างฉากที่ Cloud จะต้องแต่งหญิงเพิ่มเข้าไปยัง Honey-Bee Inn ในฉบับรีเมกอีกด้วยว่า

“ในตอนที่เราจะต้องทำการรีเมกโรงแรม Honey-Bee Inn ที่ Wall Market เราได้มีการชุบชีวิตมันขึ้นมาในฐานะของการเป็นแหล่งรวมของความบันเทิงที่แทบจะจำของเก่าไม่ได้เลย และหนึ่งในฉากที่ทุกๆ คนถามถึงกันมากที่สุดก็คือฉากที่ Cloud จะต้องปลอมตัวซึ่งเตรียมรอชมกันได้เลยครับ”

สำหรับรายละเอียดอื่นๆ นั้นสามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Blog ของทาง Square Enix ซึ่งยังมีเหล่าสมาชิกในทีมพัฒนาอีกมากมายที่ได้มาเขียนความรู้สึกของพวกเขาในการที่ได้มาร่วมสร้างเกมรีเมกที่หลายคนต่างรอคอย โดยเกม Final Fantasy 7 Remake: Part 1 จะปล่อยให้เล่นกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 มีนาคม 2020 เฉพาะบน PlayStation 4 เท่านั้น

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

Share this article
0
Share
0 Share
0 Tweet
0 Share
0 Share
Shareable URL
0
Share