จากการที่ Dying Light 2 ตัวเกมพยายามผลักดันความเปลี่ยนแปลงให้มีความแตกต่างภาคที่แล้ว เพิ่มเติมระบบต่าง ๆ ที่น่าสนใจเข้ามาในเกมมากมาย ทั้งระบบความเป็น RPG ธีมหลักที่ดุดันขึ้น ทำให้เป็นเกมที่ ‘ทรงดี’ น่าจับตามองในปีนี้พอสมควร
ซึ่งในการสัมภาษณ์กับสำนักข่าว wccftech คุณ Tymon Smektala หัวหน้าฝ่ายออกแบบของทีม Techland ได้ออกมาพูดถึงรายละเอียดของเกมเพิ่มเติมอย่างเรื่องของธีมยุคมืดในโลกสมัยใหม่, ก๊กเหล่าในเกม, ระบบโลก (World System) รวมไปถึงตอนจบหลายรูปแบบ
สาเหตุที่เลือกใช้ธีมยุคมืดในโลกสมัยใหม่ (Modern Dark Ages) ทางคุณ Tymon กล่าวว่าเขาต้องการธีมที่มีเอกลักษณ์ ทำให้เกมดูโดดเด่นมากขึ้น ธีมดังกล่าวจึงเหมาะสมกับความต้องการของพวกเขา ซึ่งได้มีการศีกษาพฤติกรรมของมนุษย์ รวมไปถึงกฎหมายในยุคมืดหรือที่เรียกอีกชื่อว่ายุคกลาง เป็นยุคที่เปรียบได้ว่าเป็นเครื่องเตือนสติของมนุษย์ จากการที่ทำอะไรไม่สนเหตุและผล นอกจากใช้ธีมในการเล่าเรื่อง ธีมดังกล่าวยังนำไปใช้ออกแบบสิ่งต่าง ๆ ในเกมอีกด้วย
เมื่อคุณมองไปยังบริบทที่เกิดขึ้นในยุคกลาง ทำให้เกิดความคิดว่า ‘เนี่ย ถ้าเราไม่ระมัดระวังกับสิ่งที่เรามีอยู่ตอนนี้ คงต้องย้อนกลับไปสู่สภาพที่แย่ที่สุดของพวกเราเลยนะ’
โดยก๊กในเกมที่เปิดเผยในปัจจุบัน มีสองฝ่าย ก็คือ Peacekeepers กับ Scavengers ที่เราต้องเผชิญหน้าทั้งสองฝ่าย ทั้งสองได้เข้าควบคุมเมือง แต่มีแนวความคิดที่แตกต่างกันสุดขั้ว Peacekeepers ต้องการกวาดล้างเหล่าผู้ติดเชื้อให้สิ้นซาก จัดการโดยไร้ซึ่งการตรึกตรองใด ๆ ส่วน Scavengers ต้องการเพียงสร้างที่กำบังจากเหล่าผู้ติดเชื้อและผู้คนอื่น ๆ ผู้เล่นจะเลือกอยู่ฝ่ายใดก็ได้ แต่ทั้งสองฝ่ายล้วนมีความลับดำมืดทั้งนั้น
ซึ่งระบบชูโรงของภาคนี้ นอกจากระบบทางเลือกที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ ในส่วนระบบโลกของ Dying Light 2 (World System) ก็เป็นอีกหนึ่งระบบสำคัญ ทุก ๆ การกระทำของผู้เล่นจะถูกจับตา และส่งผลต่อสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในโลก
สำหรับระบบตอนจบหลากหลายรูปแบบ ทางคุณ Tymon กล่าวว่าตัวเกมมีตอนจบหลายรูปแบบ และมีความหลากหลายในแต่ละแบบ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าเรื่องนั้น ก็คือการที่เราสามารถสร้างเมืองในรูปแบบที่เราต้องการ
Dying Light 2 จะวางจำหน่ายใน PlayStation 4, Xbox One และ PC ซึ่งเราจะเห็นรายละเอียดเพิ่มเติมในงาน E3 2019 ของ Square Enix