“เกมแม่งอย่างกำ” คำพูดในกลุ่มของผู้เขียน เป็นความในใจที่นำออกมานอกใจเพื่อแบ่งปันความรู้สึก ‘กำๆ’ ที่มีต่อเกม หลังจากได้ทดสอบตัว Beta ไปเมื่อปีที่แล้ว
“เกมแม่งหิวเงินจังวะ”หลังจากได้เสพข่าวของเกมนี้ กระแสด้านลบสุดลิ่มทิ่มประตู ความหิวเงินของมัน ทำให้ตัวผู้เขียนอดที่จะก่นด่าไปตามกระแสสังคมอย่างช่วยไม่ได้
“เกมเหลือสามร้อยกว่าบาทเองนะ”
คำพูดประโยคสุดท้ายของเพื่อนรอบตัวผู้เขียน ก่อนจะมารู้ตัวอีกทีว่าได้กดจ่ายตังค์สั่งซื้อเกมนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จุดเริ่มต้นทั้งหมดทั้งมวลของความสัมพันธ์รักไม่มากแต่ชังไม่น้อย สำหรับเกม ‘Destiny 2’
เกือบจะครบปี จากวันนั้น (ด่าไว้ เมื่อปีที่แล้ว) จนถึงวันนี้ (ซื้อเกม เดือน 8 ปี 2018) ขอแอบบอกต่อท่านว่าผู้เขียนถลุงเกมนี้ไปหลายชั่วโมงดีดัก คะแนนเกียร์ก็สามร้อยหกสิบกว่าแล้ว แต่อัตราคะแนนเกียร์ไม่ได้บ่งบอกต่อความชอบที่มีให้ต่อเกมนี้สักเท่าไร ในเมื่อยิ่งเล่นไป มันยิ่งแสดงความ ‘กำ’ ออกมาให้ผู้เล่นได้ชมชื่นและสรรหาประโยคนี้ออกไปในทางเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่ว่าจะเกิดการจากไปก่อนวัยอันควรหรือเปล่า แต่ทำไมยังเล่นละ?
เออ นั้นสิ ทุกวันนี้ก็ถามตัวเองว่าทำไมยังเล่นเกมนี้ ยังต้องเปิดมาเล่น ทำ Weekly Event อย่างน้อยซักหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ ด้วยอาการเสี้ยนยา ยาที่มีชื่อว่า ‘Powerful Gear’ ถึงแม้จะเพลียกับอะไรหลายๆ อย่างของมันก็ตาม
จากการใช้กระบวนการ ‘มึงควรถามใจตัวเอง’ ซักพักใหญ่ ก็คงได้คำตอบที่ดูจะตรงใจมากที่สุด ประมาณนี้แหละ
เกมยิงไร้สมอง
ด้วยความเป็นเกมยิงไร้สมองกระมัง (เว้นแต่พวกคุณจะไปลง Raid กัน อันนั้นจะกลายเป็นเกมยิงปวดสมองแทน) ถึงทำให้เราติดพันกับเกมนี้อยู่พักใหญ่ ในช่วงเวลาที่ไม่อยากเล่นอะไรที่ต้องคิดเยอะ อ่านเยอะ เปิดเกมมาก็ซัดกันตู้มๆ จบรอบ ปิดคอมนอน Destiny จึงตอบโจทย์ผู้เขียนมากที่สุด แน่นอน ด้วยระบบ Gunplay ที่ต้องยอมรับว่าทำมาได้มันมือดีฉิบหายให้ตายดิ้น การได้ยิงอะไรซักอย่างในเกมนี้ ก็ดูจะเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับเราอยู่ไม่น้อย
เกม Co-op ระดับ AAA
เกม Co-op ดีๆ เพลินๆ ในช่วงหลังๆ ดูท่าจะหายากพอสมควร Destiny ก็เข้ามาเติมเต็มให้กับผู้เขียนและเพื่อนฝูงได้เป็นอย่างนี้ ลง Strike ชิลๆ หรือต้องการหัวร้อน ก็ไป Raid สุดแล้วแต่ท่านเลย
ขิง!
อันนี้ขาดไปไม่ได้ “มนุษย์ผู้ใด ไร้ซึ่งการขิงแล้ว มนุษย์ผู้นั้น ขาดสีสัน ปันชีวี” เพลโตไม่ได้คิด โสกราตีสก็ไม่ได้กล่าว (เพราะถ้าเขากล่าว คงโดนยาพิษเพิ่มอีกหนึ่งถึงสองโหลเป็นแน่) แต่ผู้เขียนพูดเองนี้แหละเธอว์จ๋า การได้ขิงเพื่อนว่าเปิดได้เกียร์สูงๆ เปิดได้ Exotic ล้ำๆ ก็เป็นอีกหนึ่งความสุขในชีวิตเหมือนกันนะ (แม้ว่าฝ่ายที่ถูกขิงใส่ อยากจะส่งตีนมาประกบที่ใบหน้าผู้เขียนผ่านทางเส้นใยไฟเบอร์ความเร็วสูงก็ตาม ฮา)
มะ…หมดแล้ว นั้นแหละ ความชอบที่ผู้เขียนหยิบยื่นให้เกมนี้ หมดเพียงเท่านี้ ต่อไปคือสิ่งที่ชัง ไม่ถึงขั้นชังชาติ แต่ก็ชังอยู่ดี (ทำไมรู้สึกเหมือนตบหัวแล้วลูบหลังจัง)
“ยี้ เจ้าพวกรากหญ้า”
เพื่อนของผู้เขียนที่มีตัว Year 1 Season Pass กล่าวเชิงกระแนะกระแหน จากการที่ผู้เขียนติดนรกแห่งวงจรอุบาทว์ชาติชั่วอย่าง ‘Gear Soft Cap’ ในช่วงเกียร์ 255 ถึง 260 ซึ่งจะปั่นยังไง ก็ไม่ขึ้นสักที ขนาดทำ Weekly Event เอา Powerful Gear ก็ดันไม่ค่อยขึ้นอยู่ดี จนเพื่อนมาบอกว่า “มึงก็ซื้อ Season Pass สิ เดี๋ยวเกียร์พุ่งแน่” ซึ่งก็เป็นจริงทุกประการ พอซื้อแล้ว เกียร์พุ่งจนต้องร้องขอชีวิต พุ่งแบบไม่เกรงใจพวกรากหญ้า (แนะ พอเองมี DLC หน่อย ไปเหยียดเขาอีก) นับเป็นก้าวแรกของการตรัสรู้ชอบได้ด้วยตัวฉันเองว่า “เกมแม่งหิวเงินจริงด้วยวะ”
หลังจากตรัสรู้ก้าวแรก ก้าวที่สอง สาม สี่ ก็ตามมาอย่างไม่ได้เต็มใจนัก สำหรับ ‘ความ Activision’ ของผู้เขียนที่เคยอยู่ ‘ตำบล รากหญ้า จังหวัด เกมหลักเพียวๆ’ อย่างเช่น หาก Nightfall ในสัปดาห์นั้นเป็นด่านของตัว DLC รากหญ้าก็เล่นไม่ได้ อยากเล่นก็ต้องไปซื้อสิครับ หากเจ้าของ Fireteam เป็นผู้เล่นที่มี Season Pass และดันมีเพื่อนรากหญ้าอยู่ในทีม ถ้าเกมสุ่มด่าน DLC มา ก็กดเริ่มเกมไม่ได้ อยากเล่นกับเพื่อน ก็ไปซื้อสิจ๊ะ หรือไม่ก็ต้องให้รากหญ้ามาเป็นหัวหน้า Fireteam แทน เกมจะสุ่มให้แต่ด่านเริ่มต้น
และอื่นๆ อีกมากมายจนนับไม่ถ้วน
แค่นี้ยังไม่พอ คำว่า รากหญ้า ที่พวกเราพูดกันเล่นๆ ล่าสุด ไอเจ้าอฟช. ที่ไม่ได้ย่อมาจาก โอ้ฟัคชู ออกมาเรียกผู้เล่นระดับรากหญ้าด้วยคำว่า ‘Legacy Player’ ใส่ใจทุกชั้นชนจริงๆ น่านับถือ
“เอางี้จริงดิ?” ประโยคผู้เขียนพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก จาก ‘สิ่ง’ ที่ดูไม่น่าจะเกิดขึ้นได้แล้วในโลกยุคมิลเลนเนียล ที่เคยกังวลแทบบ้ากับภาวะวิกฤตการณ์ Y2K อย่างเช่น เนื้อเรื่องหลักที่สั้นกว่าจู๋มด แถมยังมี End Credit ให้ช้ำใจเล่น อาว นี้ตั้งใจหั่นตั้งแต่แรกเลยสินะ หนักไปกว่านั้นคือไอเจ้าเนื้อเรื่อง DLC ที่สั้นกว่าจู๋แมวที่มีขนาดต่ำกว่ามาตรฐานแมวไทยเสียอีก สั้นจนไม่คิดว่าจะคุ้มกับเงินที่เสียไป (ขนาดซื้อราคาที่ปรับมาแล้วในภายหลัง ยังช้ำใจไม่น้อย) อีกทั้งการ Recycle ภารกิจ จนนีกว่าอยู่ในโครงการ ‘ตาวิเศษ’ เห็นนะ คุณจะทำอย่างนี้กับผมไม่ได้ และที่ “เอางี้จริงดิ?” กับผู้เขียนมากที่สุดคือ การแต่งสีเกียร์ อยากแต่งสีหรอ ต้องดรอปสีจากกาชาอีกนะ คุณจะแต่งเองตรงๆ เลยไม่ได้ จุ๊ๆ คุณครับ ผีห่าซาตานตนใด ดลใจให้ทำเยี่ยงนี้
แต่ก็นั่นแหละ ถึงจะเกลียดมันขนาดไหน แม้จะดูเหมือนผู้เขียนตกอยู่ในภาวะกึ่ง Guilty Pleasure กึ่ง Love & Hate Relationship สักเท่าไร แต่ก็ยังคงเล่นอย่างปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี เมื่อเกมมันตอบโจทย์ของผู้เล่นในบริบทนั้นๆ ก็ไม่มีเหตุอันใดที่จะทำให้เราไม่เล่น หากเล่นแล้วสามารถยอมรับกับความ ‘กำ’ ของมันได้อย่างไม่เคอะเขิน เล่นไปเถอะ ไม่มีใครทำให้เดือดร้อนกว่าตัวคุณรู้สึกเดือดร้อนเอง
แต่ยังไงก็ยังคงเกลียด Destiny 2 อยู่ดี แต่ก็มีแอบชอบนะ เอ๊ะ ยังไง (ฮา)