คลายแถบคาดดำ ล่วงล้ำความลับ กับเรื่องราวสำคัญใน Control

หมายเหตุ : บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของเกม

หลายสิ่งในโลกของ Control มีความ ‘เฉพาะ’ ในตัวของมันเอง เราไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้เพียงการแค่การเผชิญหน้า เพราะแต่ละสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันช่างอยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ แม้กระทั่งสำนักงานการควบคุมกลาง (Federal Bureau of Control) หน่วยงานที่แนบชิดติดตามเรื่องราวดังกล่าว ก็หาได้เข้าใจมันโดยแจ่มแจ้ง ประกอบกับการมาของเหตุแทรกแซงโดยฝีมือกังวานทมิฬ (The Hiss) ฉุดสิ่งที่เคยคิดว่าเข้าใจให้ลงเหวไปพร้อม ๆ กับเหตุการณ์โกลาหลครั้งนี้

แล้วพวกเขา (เหมือนจะ) เข้าใจสิ่งที่เขาศึกษาอย่างไรกันบ้าง ความรู้อันเป็นสารัตถะของเรื่องราวดังกล่าวกลั่นกรองจนได้สิ่งใดมา แต่หมายเหตุไว้ว่า เอกสารการวิจัยก็เป็นเอกสารที่ไม่ได้พัฒนาองค์ความรู้ควบคู่ไปกับเหตุการณ์รุกรานของกังวานทมิฬ ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่บุคลากรภายในกันเองยังมีการโต้แย้งต่อชุดความรู้ที่มีการตีพิมพ์ออกมาเสียด้วยซ้ำ และเอกสารแต่ละตัวก็ไม่มีความสมบูรณ์ในตัวของมันเอง ทั้งในด้านเนื้อหา รวมถึงการถูกจัดเก็บความลับ คาดแถบดำ จนเราต้องจับต้นชนปลายด้วยตัวเอง

ส่วนการยึดเนื้อหาใดเป็นที่ตั้ง ก็ขอตอบเลยว่า “อย่าไปยึดอะไรให้เป็นสรณะ จนละทิ้งการศึกษาเพิ่มเติม” สิ่งที่จะกล่าวถึงคือความเข้าใจที่ต่อเนื่องมาจากความรู้อันล้าหลังของสำนักงานการควบคุมกลางส่งต่อมายังเราเท่านั้น อาจจะเป็นความรู้ผิด ๆ จากพวกเขาและอาจสร้างความเข้าใจผิด ๆ กับเราเสียเอง

Control-dev-02
<ผู้กอบกู้/ถูกชี้นำ?>

ความเชื่อมโยงกับอุบัติการณ์อันถูกบิดผัน (Altered World Event)

‘อุบัติการณ์อันถูกบิดผัน’ เป็นชื่อเฉพาะที่ทางสำนักงานการควบคุมกลางใช้เรียกเหตุการณ์เหนือธรรมชาติอันอุบัติโดยพลังซึ่งอยู่เหนือความเข้าใจ ไม่แน่ว่าเราอาจเคยพบเคยเห็นในเรื่องราวตำนานพื้นเมือง ก็เป็นได้ ซึ่งความสำคัญของอุบัติการณ์อันถูกบิดผันคือ พลังงานดังกล่าวมันเข้าไปฝังรากลึกในวัตถุที่อยู่รอบข้างมัน ณ เวลาอุบัติ จนกลายเป็นวัตถุแห่งพลัง (Object of Power) หรืออาจกลายเป็นวัตถุอันถูกบิดผัน (Altered Item)

Control-jesse-02
<ตู้เย็นไม่ธรรมดา/ผิดปกติ ก็เป็นหนึ่งในวัตถุอันถูกบิดผัน>

แล้วความแตกต่างของทั้งสองมันคืออะไร? ความแตกต่างของทั้งสองที่เคยถูกสรุปไว้ คือ วัตถุแห่งพลังทรงอานุภาพกว่าวัตถุอันถูกบิดผันและมีการเชื่อมต่อกับระนาบดารา (Astral Plane) แต่ก็เน้นย้ำว่ามันคือข้อสรุปเก่าที่ไม่ได้ปรับปรุง เพราะหลังจากการแทรกแซงของกังวานทมิฬ (The Hiss) วัตถุอันถูกบิดผันบางชิ้นก็เชื่อมต่อกับระนาบดาราไปเสีย ส่วนเพราะเหตุใด วัตถุแห่งพลังจึงเชื่อมต่อกับระนาบดารา รวมไปถึงการที่วัตถุอันถูกบิดผันเริ่มมีการเชื่อมต่อกับระนาบดารา ก็มิอาจทราบได้อย่างถ่องแท้ และยังมีข้อถกเถียงไม่จบสิ้น แต่ข้อสรุปที่เป็นจริงและยืนยันได้ว่าจริงแท้แน่นอน [เพราะเราสัมผัสมาด้วยตัวเอง] ก็คือวัตถุแห่งพลังมอบพลังให้กายหยาบ (entity) เราเรียกผู้ได้รับพลังว่า ผู้ยึดถือประโยชน์ส่วนตน (parautilitarian) ซึ่งความทรงพลังจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้เป็นบรรจุภัณฑ์

ได้ยินมาว่าผู้อำนวยการอัดพลังส่งวัตถุไปไกลกว่ายี่สิบเมตรเชียวนะ

บ้าน่า ฉันไม่เคยเห็นใครใช้พลังโยนวัตถุได้เกินห้าเมตร

เสียงเซ็งแซ่จากพนักงานชั้นผู้น้อยที่กล่าวถึงพลังมหาศาลของเรา เป็นเครื่องยืนยันถึงข้อสรุปได้ดี

ด้วยความที่อุบัติการณ์อันถูกบิดผันถือได้ว่าเป็นบ่อเกิดของวัตถุต่าง ๆ ที่กล่าวไปข้างต้น สำนักงานการควบคุมกลางจึงตื่นตัวกับอุบัติการณ์ทั้งหลายเป็นพิเศษ เพราะอย่างที่เราทราบกันดี ว่าพันธกิจของพวกเขาเหล่านี้ คือการควบคุม และปกปิดสิ่งเหนือธรรมชาติทั้งหลายทั้งปวง เพื่อไม่ให้มนุษยชาติกลับไปสู่ยุคมืดดำ นำความเชื่ออยู่เหนือเหตุผล

แต่นอกจากวัตถุที่ต้องการอุบัติการณ์มาบรรจุพลัง สถานที่แห่งพลัง (Place of Power) เป็นสิ่งที่เกิดพลังได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึงการบรรจุพลังจากอุบัติการณ์อันถูกบิดผันแต่อย่างใด สถานที่แห่งพลังซึ่งเรามีปฏิสัมพันธ์มากที่สุดอีกทั้งเราได้ลอยชายไปทุกซอกทุกมุม ก็คือ ที่พำนักยอดอาวุโส (Oldest House) เป็นสถานที่อันไร้เสถียรภาพ มีการบิดผันของรูปร่างตึก (Building Shift) อย่างที่เราและเจ้าหน้าที่ได้เห็นจนเป็นเรื่องปกติ

ฟังนะ

ผมรู้ว่าพวกคุณควบคุมการสลับเปลี่ยนของตึกนี้ไม่ได้ แต่ห้องน้ำของชั้นผู้บริหารหายไปสองสัปดาห์แล้ว

ผมทำงานในสถานีย่อย Islamabad ผมมีสิทธิ์ที่จะได้ที่ขี้ดี ๆ ถ้าคุณเอาส้วมกลับมาไม่ได้ อย่างน้อยก็บอกหน่อยว่ามันไปอยู่ไหน

– ดร. Rodriguez

ตึกบิดผันจนส้วมหาย ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี

ด้วยการบิดผันของตึกสามารถควบคุมได้ในระดับหนึ่ง จากการใช้คลื่นความถี่ในย่านพิเศษ จากจุดควบคุม (Control Point) ซึ่งเป็นจุดรวมคลื่นความถี่ที่อ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอก จึงสามารถใช้เครื่องส่งสัญญาณในการคงความเสถียรของตึก

แต่สถานที่แห่งพลังมิได้มีเพียงที่พำนักยอดอาวุโสเท่านั้น ว่ากันว่าทะเลสาบ Cauldron ก็อาจเป็นสถานที่แห่งพลังเช่นกัน

สำหรับระนาบดาราที่เรากล่าวถึงไปข้างต้นคือมิติที่ผูกกับที่พำนักยอดอาวุโส อาจเป็นการผูกกันโดยใช้ทฤษฎีเดียวกับธรณีประตู (Threshold) ที่เป็นมิติอันบังเกิดด้วยเงื่อนไขและความถี่ที่ถูกต้องตรงกัน ซึ่งอาจเป็นมิติอื่นหรือเป็นมิติคู่ขนานของมิติปัจจุบันที่เราดำรงอยู่ แต่เพียงอยู่ในคนละช่วงเวลา เป็นที่อยู่ของคณะกรรมการ (Board) กายหยาบที่ดำรงอยู่ในมิติของระนาบดารา เรารู้ข้อมูลแค่ <มัน/เขา> เป็นผู้คัดสรรผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของสำนักงานการควบคุมกลางและมีการเชื่อมโยงกับวัตถุแห่งพลัง แน่นอนว่าในระนาบดาราไม่ได้มีเพียงคณะกรรมการเท่านั้น อย่างที่เราพบก็คือเดือยดารา (Astral Spike) และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่เรายังไม่เจอจนถึงตอนนี้

Control-lore-04
<ภาพจำลอง/อัตราส่วนของระนาบดารา>

ตัวตนของกังวานทมิฬ (The Hiss)

ที่มาของกังวานทมิฬมาจากมิติถูกเปิดโดยเครื่องฉายวีดิทัศน์ซึ่งฉายแผ่นภาพนิ่งที่ถูก Jesse เผาไปแล้วในสมัยเด็ก เป็นพลังงานที่อยู่บนรากฐานของความถี่พ้อง (resonance) อันได้แก่ การสั่นสะเทือน, ความถี่, รูปคลื่น หรืออย่างอื่นที่มนุษย์มิอาจหยั่งถึงในตอนนี้ ซึ่งตั้งอยู่บนหลักฟิสิกส์ ส่วนเสียงเซ็งแซ่ที่เราได้ยินเมื่อมีเจ้ากังวานทมิฬอยู่ในบริเวณรอบข้าง อาจเป็นการแสดงออกถึงความถี่พ้องโดยการใช้การออกเสียงของกล่องเสียงมนุษย์

Control-lore-01
<รูปลักษณ์/เนื้อแท้ของกังวานทมิฬ>

คำพูดที่ใช้มากที่สุดก็คือคำว่า “ต้องการ” และมักนำหน้าด้วยคำว่า “คุณ” อย่าง “คุณต้องฟัง” “คุณต้องการให้มันเป็นเรื่องจริง” “คุณต้องการให้คลื่นเสียงพวกนี้ลากคุณออกไป” “คุณ” ในที่นี้ หมายถึงพวกเราหรือเปล่า? กังวานทมิฬเชื่อว่ามนุษย์ที่ไม่ได้ถูกพวกมันครอบงำอยากจะเข้าร่วม อยากจะถูกกลืนกิน? นี้ใช่เป้าหมายของพวกมันหรือ?

กังวานทมิฬเข้าไปครอบงำมนุษย์โดยควบคุมการทำงานของสมองเรา และใช้ความสามารถที่เจ้าบ้าน (host) มีอยู่ อย่างที่เราได้เห็นว่าพวกเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกกังวานทมิฬครอบงำ ก็ยังดำรงความสามารถการใช้อาวุธเอาไว้และนำมาใช้กับเราอย่างแสบสันและเชี่ยวชาญ

กังวานทมิฬเป็นปรปักษ์กับนักษัตรเนมี (Polaris) ซึ่งเป็นพลังงานที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความถี่พ้องเช่นเดียวกัน ดำรงตนอยู่ในมิติของแผ่นภาพนิ่ง Slidescape-36 (มีชื่อเล่นของแผ่นภาพว่า ‘มือ’) ซึ่งเป็นแผ่นภาพนิ่งเพียงแผ่นเดียวที่ Jesse ไม่ได้เผาทิ้ง โดยนักษัตรเนมีจะปกป้องกันและชำระล้างกายหยาบที่ถูกครอบงำโดยกังวานทมิฬไม่ว่าจะเป็นทั้งสิ่งมีชีวิตหรือวัตถุ

Control-lore-02
<รูปลักษณ์/เนื้อแท้ของนักษัตรเนมี>

เรื่องเล่าจากอุบัติการณ์อันถูกบิดผัน ณ เมือง Ordinary

อุบัติการณ์อันถูกบิดผัน ณ เมือง Ordinary เกิดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ปี 2002 เมื่อ Jesse และ Dylan Faden พบ เครื่องฉายวีดิทัศน์ที่กองขยะแถวชานเมือง Ordinary ทั้งสองพบว่าเครื่องฉายวีดิทัศน์สามารถเปิดประตูมิติไปยังมิติอื่นได้ ซึ่งแต่ละมิติจะผูกกับภาพนิ่งที่ถูกเปิดขึ้น Jesse และ Dylan ได้พบสิ่งมีชีวิตที่ Jesse เรียกว่านักษัตรเนมีในมิติของแผ่นภาพนิ่ง Slidescape-36 โดยทั้งคู่ได้พาเพื่อนมาเที่ยวเล่นด้วย ชื่อว่า Neil ซึ่งเขามักถูกรังแกโดย Tom และเพื่อนของเขาได้แก่ Freddy และ Hugo พวกเขาได้เค้นความลับ รับรู้ความจริงเรื่องเครื่องฉายวีดิทัศน์จาก Neil และขโมยเครื่องฉายไว้ไปเล่นกันเอง ณ ถ้ำที่พวกเขาชอบไปเล่นกัน ทาง Jesse และ Dylan พบว่าพวกเด็กเกและ Neil ตกอยู่ใต้การครอบงำของสิ่งมีชีวิตอีกมิติ ถูกเรียกว่า อ-มารดา (Not-Mother) ซึ่งเปลี่ยนร่างพวกเขาให้กลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่ Jesse เรียกว่า ลิงแขยง (Dung Monkey)

Control-lore-03
<จำลองเมือง/ที่เกิดเหตุ Ordinary>

พวกลิงแขยงไปโจมตีและฆ่าอาจารย์คณิตศาสตร์ นามว่าคุณ Chester ตอนที่พวกเขาทั้งสามถูกจับ เจ้า Tom เอ็ดตะโร โหร้องว่า อ-มารดาจะทำให้พวกผู้ใหญ่ในเมืองหายไปหมด ซึ่งมันก็เกิดขึ้นในคืนวันนั้นทันที รุ่งขึ้น ผู้ใหญ่เกือบทั้งหมดหายไปจากเมือง Jesse และ Dylan ตาม Tom ไปยังที่ถ้ำ พบว่าเด็กในเมืองหลายคนเข้าร่วมกับพวกลิงแขยง ทาง Jesse ชิงเอาเครื่องฉายวีดิทัศน์และหนีไป แต่ทาง Dylan หนีตามไม่ทัน โชคดีว่าได้ Neil ที่ในตอนนั้นได้กลายร่างคล้าย หมาหลอมละลาย (melted dog) ไปเสียแล้ว Jesse พยายามปิดเครื่องฉาย แต่ทำไม่ได้ จึงเปิดใช้ภาพนิ่ง Slidescape-36 แทน เธอได้รับการติดต่อมาจากนักษัตรเนมีว่าจะช่วยเธอ นักษัตรเนมีทำให้ Jesse และ Dylan กลายเป็นพวก ‘พิเศษ’ และบอกวิธีปิดเครื่องฉาย Jesse ปิดเครื่องฉายได้ ทำให้ อ-มารดา และ ลิงแขยง หายไปทันที จากนั้น Jesse เผาภาพนิ่งทิ้งทั้งหมดยกเว้นภาพนิ่ง Slidescape-36

หลังจากจบอุบัติการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จากสำนักงานการควบคุมกลาง นำโดยผู้อำนวยการ Trench และดอกเตอร์ Darling มายังเมือง Ordinary ในวันที่ 14 กันยายน พวกเขาพยายามเข้าควบคุมตัวพี่น้อง Faden แต่ทาง Jesse หนีไปได้ โดยมีผู้รอดชีวิตจากอุบัติการณ์เพียงสิบเจ็ดคน ผู้อำนวยการ Trench เก็บหนึ่งในภาพนิ่งที่ถูกเผาเอาไว้ เพื่อการศึกษาอุบัติการณ์ดังกล่าวต่อไป

สิ่งที่กำลังจะตามมา

แต่ข้อมูลที่กล่าวไป ยังมิใช่ส่วนเติมเต็มโดยสมบูรณ์ ยังมีเรื่องราวที่รอการเปิดเผยและปรับปรุงองค์ความรู้ของสำนักงานการควบคุมกลางให้ทันยุคหลังการรุกรานของกังวานทมิฬ ซึ่งมันจะเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเรา ทั้งตัวสำนักงานเองและมนุษยชาติไปตลอดกาล ดังที่ Jesse กล่าว ปิดท้าย

นั้นเป็นเพียงอดีตของสำนักงานการควบคุมกลาง

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

Share this article
0
Share
0 Share
0 Tweet
0 Share
0 Share
Shareable URL
0
Share