Take-Two Interactive ได้มีการเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการณ์ในปี 2022 ที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2021 ออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว โดยพวกเขามีรายได้ที่ลดลง 2 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 813 ล้านเหรียญในขณะที่ตัวเลขรายได้สุทธิทางบัญชีลดลง 29 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 711 ล้านเหรียญ
แต่อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวก็ยังมากกว่าที่ทางบริษัทได้มีการประมาณการเอาไว้ที่ 780 ล้านเหรียญในส่วนของรายได้รวมทั้งหมด เช่นเดียวกับตัวเลขรายได้ทางบัญชีเองก็ยังคงมากกว่า 675 ล้านเหรียญที่ได้มีการประมาณการเอาไว้ รวมไปถึงในส่วนของกำไรของบริษัทที่ยังคงเพิ่มมากขึ้นแบบปีต่อปีถึง 72 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ตัวเลขราว 152 ล้านเหรียญ
ซึ่งความสำเร็จที่ทำให้บริษัทยังคงกำไรอย่างต่อเนื่องก็มาจากเกม Grand Theft Auto V, Grand Thedt Auto Online, Red Dead Redemption 2, Red Dead Online และ Borderlands 3 โดยทาง สเตราส์ เซลนิค (Strauss Zelnick) ผู้บริหารสูงสุดของ Take-Two Interactive ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง Gamesindustry.biz เอาไว้ว่าทางบริษัทต้องเผชิญกับความยากลำบากเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ที่การแพร่ระบาดในช่วงเวลาดังกล่าวได้ส่งผลให้ตัวเลขความต้องการในตลาดวิดีโอเกมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“เราค่อนข้างพอใจที่มันเป็นไปอย่างที่คาดที่ความต้องการหลังจากแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้นกว่าก่อนการแพร่ระบาดเป็นอย่างมาก และสิ่งที่เราคิดว่าจะส่งผลกระทบในทางลบก็น้อยกว่าที่เราได้คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งเราก็หวังว่าเราจะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ไปได้ เพราะมันยังคงยากที่จะทราบได้ว่าการแพร่ระบาดของสายพ้นธุ์เดลต้าจะส่งผลมากขนาดไหน แต่เราก็คิดว่าอย่างน้อยเราพอที่จะได้เห็นแล้วว่านธุรกิจในช่วงนิวนอร์มอลของเรามีความแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อเทียบกับโอลด์นอร์มอลอยู่พอสมควรทีเดียว”
โดยในตอนนี้เกม Grand Theft Auto V ก็สามารถทำยอดส่งออกไปวางจำหน่ายได้ทะลุ 150 ล้านยูนิตไปแล้ว พร้อมกับตัวเลขของผู้เล่นใน Grand Theft Auto Online ที่เพิ่มมากขึ้นถึง 72 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับสองปีก่อน และเกม Red Dead Redemption 2 ก็มียอดส่งออกไปวางจำหน่ายมากกว่า 38 ล้านยูนิตแล้ว และ Red Dead Online ก็มีฐานผู้เล่นที่เพิ่มมากขึ้นถึง 18 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับตัวเลขในไตรมาสแรกของสองปีก่อนเช่นกัน
นอกจากนี้ NBA 2K21 และเกม Civilization VI เองก็ยังทำยอดส่งออกไปวางจำหน่ายได้มากกว่า 11 ล้านยูนิตเช่นกัน โดยที่เกม Civilization VI ก็มีอายุการวางจำหน่ายที่สามารถเอาชนะเกมภาคก่อนอย่าง Civilization V ไปแล้ว
แต่ถึงแม้ทาง Take-Two จะสามารถทำผลประกอบการณ์ได้มากกว่าที่ประมาณการไว้ แต่ในส่วนของแผนงานเต็มปีของพวกเขาก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงออกไปจากเดิมจากการที่พวกเขาเพิ่งจะซื้อกิจการของทาง Nordeus มาอยู่ในสังกัดที่อาจจะทำให้เกมในระดับ “immersive core titles” สองเกมอาจจะต้องเลื่อนออกไปวางจำหน่ายไปเป็นช่วงปลายปีงบประมาณ 2022 โดยพวกเขาจะมีเกมจากทาง 2K Games หนึ่งเกมที่จะเป็นแฟรนไชส์ใหม่และจะเปิดตัวออกมาภายในเดือนนี้ด้วย
อย่างไรก็ดีทางสเตราส์ เซลนิค ก็ยังยืนยันว่าการแพร่ระบาดไม่ได้ส่งผลกับการพัฒนาของเหล่าผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเกมในสังกัดมากนัก แต่เกมสองเกมที่เลื่อนออกไปก็เป็นเพราะปัญหาจากการ “ค้นหาคุณภาพและการขัดเกลาที่ไม่สิ้นสุด” ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเกมแบบ work-from-home
สำหรับในไตรมาสต่อๆ ไปทาง Take-Two Interactive ก็ยังคงตั้งเป้าเอาไว้ต่ำกว่าเป้าหมายของปีที่แล้ว โดยในไตรมาสที่สองพวกเขาได้ประมาณการเอาไว้ว่ารายได้ของบริษัทน่าจะลดลงมาอยู่ที่ 12 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ราว 740 ล้านเหรียญถึง 790 ล้านเหรียญและตัวเลขรายได้ทางบัญชีที่อาจจะลดลง 15 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 815 ล้านเหรียญถึง 865 ล้านเหรียญ และตัวเลขกำไรสุทธิก็อาจจะลดลงราวครึ่งหนึ่งที่อาจจะลดลงถึง 41 ล้านเหรียญถึง 53 ล้านเหรียญ แต่อย่างไรก็ดีทางสเตราส์ เซลนิค ก็ยังยืนยันว่าตัวเลขการเติบโตที่ลดลงอาจจะใช้เวลาไม่นานในการที่จะกลับคืนสู่สภาวะเดิมอีกครั้ง
“เราจะมีการนำเกม 20 เกมมาวางจำหน่ายในตลาดภายในปีนี้ และอีกจำนวนมากที่จะตามมาในอีกสองปีหลังจากนี้ ซึ่งเราคาดว่าพวกเราน่าจะทำสถิติใหม่ได้อีกครั้งในปีงบประมาณ 2023”