ปี 2013 ตัวอย่างแรกของเกม No Man’s Sky ได้ปรากฏออกมาให้เราได้เห็นเป็นครั้งแรก มันเป็นตัวอย่างที่ทำให้เหล่าเกมเมอร์ที่ได้ชมต่างตื่นเต้นและเฝ้ารอคอยวันที่มันจะได้ออกวางจำหน่าย แต่สุดท้ายบางสิ่งบางอย่างมันก็กลับไม่เหมือนกับสิ่งที่เราได้เห็น ตัวเกมหลังวางจำหน่ายไม่มีทั้งหนอนยักษ์แห่งทะเลทรายอย่างที่ตัวอย่างได้แสดงให้ชม สถานที่และสภาพแวดล้อมบางอย่างก็ยังคงขาดหาย แต่ด้วย No Man’s Sky Origins อัปเดตฟรีตัวใหม่ที่เกมได้มีการปล่อยออกมา มันก็ได้ทำให้เกม No Man’s Sky กลายเป็นเกมที่เราเคยได้เห็นกันในปี 2013 ได้อย่างเต็มภาคภูมิ
แต่ทำไมมันถึงใช้เวลาหลายปีในการนำเอาหนอนยักษ์แห่งทะเลทรายเข้ามาใส่ไว้ในเกมกันล่ะ ทาง ฌอน เมอร์รีย์ (Sean Murray) ผู้สร้างเกมก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุที่ว่านี้ให้เราได้ทราบกันแล้ว และมันก็เป็นคำตอบที่ง่ายกว่าที่คิดเป็นอย่างมาก “มันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากครับในตอนที่มีคนเอาแต่ถามเรื่องนี้กับผมเรื่อยๆ เพราะมันไม่สนุกยังไงล่ะ” เขาให้สัมภาษณ์กับทาง IGN “มันดูเหมือนจะสนุกใช้มั้ยล่ะครับตามหลักการแล้ว มันดูดีจริงๆ และในตัวอย่าง และมันก็เท่มาก ตอนที่คุณเห็นมันดูเท่จริงๆ แต่สำหรับคุณคนที่เล่นเกมไปร้อยชั่วโมงแล้วและคุณต้องการที่จะเก็บสิ่งต่างๆ ที่คุณแคร์ไว้ให้ดี มันเป็นอะไรที่น่ารำคาญถ้าคุณสามารถถูกฆ่าตายได้แบบสุ่มๆ ด้วยการปรากฏตัวของเจ้าหนอนยักษ์นี่ ถูกมั้ยล่ะครับ? ผมว่าพวกคุณที่ออกตามล่าเครื่องเทศในนิยาย Dune ก็น่าจะเข้าใจความเจ็บปวดนี้ดีแหละมั้ง มันจะทำให้มันมีการตายเกิดขึ้นในเกมเป็นจำนวนมาก เราเลยต้องตัดมันออกไปก่อนเพราะมันไม่สนุกพอที่จะนำเอามาใส่นั่นแหละ”
แต่สุดท้ายเจ้าหนอนยักษ์แห่งทะเลทรายก็ได้กลับมาปรากฏในเกมจนได้ หลังจากที่เกม No Man’s Sky ได้มีการอัปเดตเนื้อหาเพิ่มเติมเข้าไปเป็นจำนวนมากในตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา และคือกลไกความสนุกที่ทำให้ทาง ฌอน เมอร์รีย์ นำมันกลับมาใส่เข้าไปในเกมพร้อมกับการอัปเดต No Man’s Sky Origins ในครั้งนี้
“ผมคิดว่าตอนนี้หลังจากที่ได้ย้อนกลับไปเล่นเกมของเราราวสองสามครั้ง เราก็พบวิธีการที่ทำให้มันสามารถทำงานได้ดีกับตัวเกมแล้ว ด้วยการชี้นำทางที่ดี และมันก็ยังเข้ากับสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวของพวกมันด้วย ผมก็หวังไว้ว่ามันจะสนุกนะครับ และก็เชื่อว่ามันยังสามารถอยู่คู่ไปกับตัวเกมได้ บางสิ่งบางอย่างมันต้องใช้เวลาไปกับมันก่อนที่จะผลักดันขึ้นมาให้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกอีกครั้ง”
สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนสำหรับตัวของ เมอร์รีย์ ก็คือเขาพยายามทำตามรายการสิ่งที่แฟนๆ เรียกร้องเสมอตลอดช่วง 7 ปีที่ผ่านมา “ในทุกครั้งที่เรามีการอัปเดตเกมเราก็เริ่มสามารถขีดฆ่าสิ่งใหญ่ๆ เหล่านั้นออกไปได้เรื่อยๆ ผมคิดว่าผมยังไม่เสร็จสิ้นกับมันหรอก เราจะมีการประชุมกันอีกครั้งเพื่อขีดฆ่าสิ่งสำคัญที่ว่านี้อีกแน่ๆ “
ปัจจัยสำคัญของ No Man’s Sky คือการสร้างสมดุลระหว่างสิ่งที่ทีมพัฒนาเกมต้องการเปลี่ยนแปลงให้มันเป็นกับการใส่ฟีเจอร์ต่างๆ ที่ผู้เล่นเรียกร้องเข้ามานั่นเอง “โดยส่วนใหญ่เรามักจะมีคีย์หลักของสิ่งที่เรากำลังทำอยู่เสมอ และเราก็รู้ว่ามันไม่มีใครร้องขอเข้ามาหรอก แต่เรารู้สึกว่ามันคือพื้นฐานที่จะสำคัญมากสำหรับเกม และในครั้งนี้เราได้กลับไปย้อนดู UI ของเราใหม่และก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงมันให้มีความสวยงามและกระชับขึ้นเพื่อให้เกมการเล่นลื่นไหลไปได้อย่างแนบเนียนมากขึ้นด้วย ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยถามหาสิ่งเหล่านี้กัน แต่ผมคิดว่ามันส่งผลกับเกมและกลไกหลักของเกมที่จะช่วยเหลือผู้เล่นได้เป็นอย่างมาก เราใช้เวลาไปกับมันมากทีเดียวในการทำ UI นี้ ดังนั้นสำหรับผมแล้วมันจึงเป็นความสดใหม่และมันก็ยังมีสิ่งต่างๆ แบบนี้มีอีกมากมายในเกมด้วย”
“มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่สนุกที่ได้เห็นว่าสิ่งทำออกมานี้แล้วเหล่าชุมชนที่เล่นเกมจะชอบมันแน่ๆ หนอนยักษ์ทรายก็เป็นหนึ่งในนั้นนี่แหละครับ ผมหวังว่านะ ผู้คนที่ได้เล่นเกมจะสนุกไปกับมันแน่ๆ มันคือแรงจูงใจหลักๆ ของเราเลย และมันก็น่ายินดีที่ได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ได้ทำให้ผู้คนชื่นชอบมันได้จริงๆ “
หนอนยักษ์แห่งทะเลทรายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลายๆ สิ่งอย่างที่ได้อัปเดตเข้ามาใน No Man’s Sky Origins มันยังมีทั้งสภาพแวดล้อม สภาพอากาศของเกมที่หลากหลายมากขึ้น และอื่นๆ อีกมากมายจนเรียกได้ว่าแทบจะเป็นการยกระดับเกมขึ้นไปอีกขั้นและผู้ที่สนใจจะสัมผัสมันก็สามารถเข้าไปเล่นกันได้แล้วในตอนนี้