โดยปกติ เรื่องราวของซีรีส์ Diablo เต็มไปด้วยความแฟนตาซีมืดมนข้นคลั่กในระดับมหภาค ตามท้องเรื่องที่เกี่ยวกับความชั่วร้าย แต่ใน Diablo IV เนื้อหาส่วนใหญ่จะฉีกขนบของซีรีส์ เน้นหนักไปยังเหล่าคนธรรมดาสามัญมากยิ่งขึ้น
ในงาน BlizzCon 2019 คุณ Sebastian Stępień อธิบายกับสำนักข่าว WCCFTech ว่าเนื้อหาในภาคนี้จะมีความสมเหตุสมผลกว่าภาคก่อน ๆ เนื้อเรื่องหลักเจาะจงไปยังเหล่าชาวบ้านในเมืองที่อยู่บนโลกแบบเปิดกว้าง
คุณ Stępień กล่าวอีกว่า Diablo IV ยังธํารงท้องเรื่องและอารมณ์มืดมนซึ่งเป็นจุดเด่นของซีรีส์นี้ แต่การเล่าเรื่องจะฉีกจากแนวทางเดิม ๆ ด้วยการเพิ่มความลึกของการเล่าเรื่อง ผ่านทางตัวละครที่ไม่ใช่ผู้เล่น “เราอยากนำอารมณ์เฉพาะทางแบบนี้กลับมา ที่มันทำให้ Diablo มีเอกลักษณ์ และไม่ได้เกี่ยวกับความชั่วร้ายเพียงอย่างเดียว นี้จึงสำคัญมาก ๆ สำหรับเรา เพราะมันส่งผลกระทบเกือบทั้งเกม ทุกมุมมอง อย่างแรกคือเนื้อเรื่อง เราอยากสร้างเรื่องราวที่สมเหตุสมผลกว่าภาคสาม และเราคิดว่าหนทางดีที่สุดในการเล่าเรื่องคือให้โอกาสคุณเข้าไปสำรวจเรื่องราวของชาวบ้านธรรมดา ๆ”
คุณ Stępień ยืนยันว่ามีตัวละครที่ไม่ใช่ผู้เล่น (NPC) เป็นชาวบ้านอยู่มากมาย พร้อมกับหมู่บ้านอีกนับร้อย ผู้เล่นสามารถพูดคุยกับชาวบ้าน ทำให้รับรู้เรื่องราวชีวิตของพวกเขา ผู้เล่นจึงได้พบเนื้อหาติดดินมากมายนับไม่ถ้วน แทนที่จะเป็นเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่เพียงเรื่องเดียว “และเราอยากเน้นหนักไปที่เรื่องราวพื้น ๆ Eternal Conflict ก็กำลังเกิดขึ้นที่นี่ มันจึงไม่ได้เกี่ยวกับวีรบุรุษสุดยิ่งใหญ่ ไม่ใช่การเมือง, กษัตริย์ หรือท้องเรื่องแนวแฟนตาซีอะไรทำนองนั้น มันเกี่ยวกับคนกลุ่มหนึ่ง และถ้าให้อ้างอิง คุณนึกถึง Wirt จากภาคแรก หรือ Marius จากภาคสองก็ได้”