เรียกได้ว่าเมื่อพูดถึงเกมที่อุดมไปด้วยความ ‘สุด’ แห่งทศวรรษนี้ คงไม่มีใครลืมเกมอย่าง DOOM เวอร์ชันปี 2016 ได้อย่างเป็นแน่ ทั้งรูปแบบการเล่นที่ ‘สุด’ ราวกับว่าเป็นพิธีกรรมแห่งมหกรรมการกระทำชำเรากระเด้าเหล่าปีศาจ (อันแสนน่าสงสาร) เรื่องราวอัน ‘สุด’ บ้าดีเดือด ไม่สนสี่สนแปดใด ๆ แล้ว และที่สำคัญจะลืมไปไม่ได้เลยก็คือ เพลงประกอบอัน ‘สุดขีด’ โดยฝีมือของชายที่มีชื่อว่า Mick Gordon
Michael John “Mick” Gordon เกิดวันที่ 9 กรกฎาคม ปี 1985 ที่ Mackay, Queensland ประเทศ Australia ในสมัยที่เขายังเป็นเด็ก เขาชอบเล่นเกมเป็นอย่างมาก เขารู้ตัวดีว่าเขาไม่ค่อยเก่งในวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ หรือ วิทยาศาสตร์ เมื่อเขาอายุสิบแปดปี เขากังวลว่าเขาไม่มีความสามารถอะไรเลยเว้นแต่อย่างเดียว ‘การเล่นกีตาร์’ และจุดเปลี่ยนของเขาก็คือ ในตอนนั้นการรูปแบบอัดดนตรีได้เปลี่ยนไป จากที่ต้องอัดกันในห้องสตูดิโอแพง ๆ เสียเวลาเป็นเดือน ๆ สำหรับการอัดเสียง กลายเป็นว่า แค่มีโน้ตบุ๊คอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว เขาจึงลองทำตัวเดโม และส่งไปยังผู้พัฒนาเกมหลายหลายที่ และในที่สุดก็มีคนสนใจในงานของเขา และนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพนักแต่งเพลง
เพราะผมรู้สึกว่าผมเข้าใจในวิดีโอเกม ในทางตรงกันข้าม กับภาพยนตร์แล้ว ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมเหมาะกับมันเลย”
เขากล่าวเหตุที่เขาประพันธ์ดนตรีให้กับเกม ไม่ใช่ภาพยนตร์
ในช่วงแรกของอาชีพ เขาได้แต่งเพลงและออกแบบเสียงให้กับเกม Hotdog King หลังจากนั้นเขาได้เข้าไปเป็นนักออกแบบเสียงให้กับ Pandemic Studios โดยมีส่วนร่วมกับเกม Destroy All Humans! 2 ในปี 2006 ซึ่งได้รับรางวัลเสียงประกอบยอดเยี่ยมจาก Game Developers’ Association of Australia โดยมีผลงานที่เป็นที่รู้จักก็คือการแต่งเพลงให้กับเกม Killer Instinct ซีซันที่ 1 และ 2 นอกจากนั้นยังมีเกม Wolfenstein: The New Order, The Old Blood และ The New Order และที่เป็นผลงานทรงคุณค่าที่สุด เป็นผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้เขาก็คือ เพลงประกอบสุดคลั่งสำหรับเกม DOOM
“มันสนุก เพราะเมื่อผมเริ่มทำเพลงให้เกม กีตาร์มันไม่เป็นที่นิยมในการทำเพลงหรือเสียงประกอบเกม กีตาร์เนี่ยมันเคยอยู่ใน pop culture แล้วในฐานะนักกีตาร์ ผมรู้สึกเหมือนถูกพรากสิ่งที่ผมรักไป ผมจึงพยายามใส่เสียงกีตาร์เข้ามาในงานของผมตลอด แต่ตอนที่ผมทำงานให้ DOOM ซึ่งมีการต่อต้านต่องานกีตาร์อย่างแท้จริง ด้วยความคิดที่ว่า มันโคตรจะ ‘80s โคตรเชยมากสำหรับเกม แต่ผมรู้ว่า DOOM ต้องการมัน ผมจะแอบใส่กีตาร์เข้าไป และใส่เพิ่มเข้าไปมากขึ้น ยิ่งผมใส่มากไปเท่าไร มันยิ่งรู้สึกว่ามันคือ DOOM” คุณ Mick Gordon ตอบในสัมภาษณ์ที่ถามว่าการทำเพลงให้ DOOM ที่มันจะเป็น heavy metal แบบสุดซอย มันจะเป็นนรกสำหรับมือกีตาร์ (ในแง่ดี) สำหรับการทำงาน และนี้คือแนวคิดที่มาของชิ้นงานที่สะท้านแก้วหูเหล่านักเล่นเกมทั้งหลาย
ซึ่งในเวลาที่เขาทำงานให้ DOOM เขาพยายามดึงความคิดที่ทีมงานมีต่อกับเกมมาให้ได้มากที่สุด ทั้งการไปพบปะพูดคุยกับทีมงาน ดูงานอาร์ตของเกมทั้งหมด และพยายามนำมันมาดัดแปลงเป็นจังหวะ ดนตรีที่มันควรจะเป็น และเขาพยายามคิดในฐานะของผู้เล่นว่า ผู้เล่นควรได้ฟังอะไร ในแต่ละจุดของด่าน “มันควรจะเร็ว มันควรจะเศร้า หรือมันควรจะหนักหน่วง มันคืออารมณ์อะไรละ? ผมจะพยายามสร้างโน้ตและพยายามเคาะแอปจังหวะเพลงในโทรศัพท์ผม ผมจะสาละวนอยู่กับจังหวะดนตรี นั้นคือการเริ่มกระบวนการทำเพลงของผม”
การประสบความสำเร็จของเขาใน DOOM การันตีได้จากรางวัลมากมาย อย่าง The Game Awards สาขา เพลง/เสียงประกอบยอดเยี่ยม, Game Developers Choice Awards สาขา เสียงประกอบยอดเยี่ยม, SXSW Gaming Awards สาขา ความเป็นเลิศในด้านดนตรีประกอบ, D.I.C.E. Awards สาขา ความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในการประพันธ์เพลง และ British Academy Games Awards สาขา เพลงประกอบยอดเยี่ยม
โดย Mick Gordon ยังได้กลับมาทำเพลงให้กับภาคต่อของ DOOM อย่าง DOOM Eternal ซึ่งถ้าหากพวกคุณคิดว่าเพลงใน DOOM มันยัง heavy metal คุณ Mick Gordon ก็อาจจะคิดเหมือนคุณก็ได้ เพราะล่าสุดทาง คุณ Mick Gordon รับสมัครนักร้องสาย heavy metal เพื่อมาทำเสียงประสานของการ ‘ว๊าก’ (screaming) ซึ่งมีผู้สมัครเข้าไปเป็นจำนวนหลักพันเลยทีเดียว
โดยเขาให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางดนตรีใน DOOM Eternal ว่าเพลงของ DOOM Eternal จะมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกับภาคแรก เขายังบอกอีกด้วยว่า เพราะเขาเคยรู้สึกผิดหวัง เวลาเล่นเกมที่มีเพลงที่แสนยอดเยี่ยม แต่พอมีภาคต่อ ตัวเพลงกลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มันทำให้เสียความรู้สึกในสิ่งที่คุณเคยชอบในตอนแรก
เราใช้เวลาไปมากกับการนิยามดนตรีของ DOOM และพวกเราจะไม่ละทิ้งมัน
สามารถไปรับฟังผลงานของคุณ Mick Gordon ได้ที่
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- Riff and Tear: ‘DOOM’ Composer Mick Gordon Reveals How He Brought Hell To Life
- Mick Gordon (composer)
- Mick Gordon & Ali Edwards
- Doom composer Mick Gordon recruits heavy metal choir for next soundtrack
- The Man Behind the Noise: A Look at the Sounds of Mick Gordon