Ubisoft แถลงผลประกอบการในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2022 โดยมีรายได้ที่ลดลงถึง 9.8% พร้อมประกาศยกเลิกโปรเจกต์ในแผนงานไปทั้งสิ้น 4 เกม
ผลประกอบการโดยรวมของ Ubisoft
- รายได้ (Sales) : 318.2 ล้านยูโร (ลดลง 9.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า)
- รายได้จากการประมาณการสุทธิ (Net bookings) : 293.3 ล้านยูโร (ลดลง 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มากกว่าที่ประมาณการไว้เล็กน้อย)
อย่างไรก็ดีทาง เฟเดอริก ดูเกต์ (Frédérick Duguet) ประธานฝ่ายการเงินของ Ubisoft ยังถือว่าตัวเลขในไตรมาสที่ 1 ดีกว่าที่คาดจากความสำเร็จของแฟรนไชส์อย่าง Assassin’s Creed และ Rainbow Six Siege
ประมาณการและแผนงานต่อจากนี้
ทาง Ubisoft ประมาณการตัวเลขในไตรมาสที่ 2 เอาไว้ที่รายได้ 270 ล้านยูโรซึ่งลดลงจากไตรมาสแรก แต่เชื่อว่าในปีนี้ทั้งปีรายได้ของบริษัทจะเติบโตได้ในระดับ 400 ล้านยูโร จากเกมที่จะออกวางจำหน่ายในอีก 12 เดือนหลังจากนี้ทั้ง Mario + Rabbids: Spark of Hope ที่จะวางจำหน่ายในวันที่ 20 ตุลาคม และ Skull & Bones ที่จะออกวางจำหน่ายในวันที่ 8 พฤศจิกายน
สำหรับในไตรมาสที่ 2 ทาง Ubisoft มีแผนที่จะวางจำหน่ายส่วนเสริม Anno 1800: Empire of the Skies และ Rocksmith+ ให้กับ PC พร้อมเปิดตัวซีซันใหม่ของเกมไลฟ์เซอร์วิสต่าง ๆ ทั้ง For Honor, Rider Republic, Roller Champions, The Crew 2 และ Rainbow Six Siege
โปรเจกต์ในการพัฒนา
โดยโปรเจกต์ใหม่ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาก็มีเกมอย่าง The Division Resurgence และการเปิดตัว “อนาคตของแบรนด์ Assassin’s Creed” ที่จะเปิดเผยรายละเอียดในเดือนกันยายนนี้
ในส่วนของเกม Avatar: Frontiers of Pandora ก็ได้เลื่อนกำหนดการวางจำหน่ายออกไปเป็นปีงบประมาณ 2023 พร้อมประกาศยกเลิกการพัฒนาเกมไปถึง 4 โปรเจกต์ ซึ่งประกอบไปด้วย Ghost Recon: Frontline ที่เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว Splinter Cell VR ที่เปิดตัวเมื่อปี 2020 และโปรเจกต์ที่ยังไม่มีการเปิดตัวอีก 2 เกม
ที่มา: Gamesindustry.biz