What you need to know
- Ubisoft ทำรายได้รวม 2.27 พันล้านเหรียญเพิ่มขึ้น 46.1 เปอร์เซ็นต์
- Assassin’s Creed: Valhalla ทำลายสถิติยอดขายของแฟรนไชส์ที่เคยทำไว้ในปี 2012-2013
- Ubisoft มีผู้เล่น 141 ล้านรายเพิ่มจากปีก่อน 20 เปอร์เซ็นต์
- Rainbow Six Siege ติดหนึ่งในสิบเกมที่มีผู้เล่นออนไลน์มากที่สุด
- เตรียมขยายตลาดมาทำเกม free-to-play มากขึ้น
Ubisoft ปล่อยรายงานแถลงผลประกอบการณ์ในปี 2020-2021 ออกมาแล้ว (via.Gamasutra) โดยในปีที่ผ่านมาพวกเขาทำรายได้รวมสุทธิจากผลิตภัณฑ์ทั้งหมด (net bookings) ไปได้ 2.27 พันล้านเหรียญเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 46.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
โดยปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้ของพวกเขาเพิ่มมากขึ้นมาจากเกม Assassin’s Creed: Valhalla ที่ออกวางจำหน่ายไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเกมในแฟรนไชส์ Assassn’s Creed ที่ทำเงินให้กับพวกเขามากที่สุดไปแล้ว ซึ่งเพิ่มมากขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2012-2013 ที่แฟรนไชส์นี้ทำรายได้ไปมากที่สุด
นอกจากนี้ทาง Ubisoft ยังได้กล่าวถึงเกม Just Dance อีกด้วยที่มีการเติบโตที่แข็งแรงมากในปีที่ผ่านมาและเกมอย่าง Rainbow Six Siege เองก็ยังเติบโตขึ้นจนในตอนนี้มันได้กลายเป็นหนึ่งในสิบของเกมที่มีจำนวนผู้เล่นมากที่สุดไปแล้ว
ซึ่งจากเกมทั้งหมดที่ออกวางจำหน่ายก็ทำให้ในปีงบประมาณที่ผ่านมาทาง Ubisoft มีจำนวนผู้เล่นอยู่ที่ 141 ล้านรายเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 20 เปอร์เซ็นต์ โดยตลาดหลักก็ยังเป็นมาจากเกม PC และคอนโซล โดยที่ในส่วนของตลาดเกมมือถือของพวกเขาก็ยังคงเป็นส่วนน้อยแต่ก็มีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์จากปีที่ผ่านมา
ทาง อีฟส์ กีลโมต์ (Yves Guillemot) ประธานของ Ubisoft ได้ยังได้ออกมาแถลงถึงแนวทางทางดำเนินการของ Ubisoft ในปีนี้อีกด้วยว่า “ท่ามกลางความสำเร็จเหล่านี้ เราก็ยังคงเดินหน้าในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานภายในองค์กรของเราต่อจากที่เราได้เริ่มไว้เมื่อ 18 เดือนก่อน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจุดยืนของ Ubisoft ยังคงอยู่ที่การเติบโตของแฟนๆ เป็นหลักและผลกำไรในปีต่อๆ ไปหลังจากนี้ ซึ่งเรายังมีคงมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาสภาพแวดล้อมการทำงานภายในของเราด้วย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเหล่าผู้มีความสามารถของเราจะยังคงมีความกระหายที่จะส่งมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ผู้เล่นจะต้องหลงรักและอยากแบ่งปันได้”
Ubisoft มีโปรเจกต์เกมใหญ่ที่อยู่ในระหว่างพัฒนาอยู่ในตอนนี้ โดยประกอบไปด้วยเกม Skull & Bones ที่เลื่อนการออกวางจำหน่ายไปเป็นปีงบประมาณ 2022-2023 แทน, Beyon Good & Evil 2, เกมจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ทั้ง Avatar และ Star Wars และเกม Assasin’s Creed ภาคใหม่ที่ยังคงเป็นแฟรนไชส์หลักของทางค่าย และเกมที่กำลังจะออกวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้อย่าง Far Cry 6 และ Rainbow Six Quarantine
ซึ่งพวกเขาจะมีการขยายตลาดมาทำเกมในรูปแบบ free-to-play มากขึ้นกว่าเดิมโดยเริ่มจากเกม Tom Clancy’s The Division Heartland แต่พวกเขาก็ยังคงเน้นไปที่การพัฒนาเกมในระดับ AAA เป็นหลักเช่นเดิม
