เมื่อความรุนแรงไม่ใช่สิ่งเป็นเพียงแค่ความสนุก แต่มันยังต้องเล่าเรื่องราวได้ด้วย
FAST FACTS:
- นีล ดรั๊กแมนน์ ผู้กำกับของ The Last of Us ทั้ง 2 ภาคได้ให้ให้นิยามเกมภาคแรกไว้ว่ามันเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับ “ความรัก” ในขณะที่ภาค 2 จะเป็นเรื่องราวของ “ความเกลียด”
- ใน 48 ชั่วโมงแรกที่ The Last of Us ออกวางจำหน่ายมันทำเงินมากกว่าภาพยนตร์อย่าง Man of Steel ที่ออกฉายในช่วงเวลาเดียวกัน
- The Last of Us Part 2 พัฒนาไปแล้วกว่า 60% ในตอนที่มันเปิดตัวในงาน Playstation Experience เมื่อเดือน ธันวาคม 2017
ความรุนแรงกับวิดีโอเกมเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน และมันก็ไม่มีท่าทีว่าเราจะได้รับข้อสรุปว่ามันจะไปจบลงตรงไหน (อย่างน้อยก็ในเร็วๆนี้) ความรุนแรงที่อยู่ในสื่อบันเทิงนั้นส่งผลต่อผู้เสพย์สื่อหรือเปล่า? และมันมีความจำเป็นหรือไม่สำหรับสื่อบันเทิงในฐานะขององค์ประกอบที่ใช้ในการดำเนินเรื่องราว? สิ่งเหล่านั้นคือโจทย์ที่ทาง Naughty Dog ทีมพัฒาผู้สร้างเกม The Last of Us Part 2 จะต้องพบเจอ เพราะเกมของพวกเขานั้นก็มีความรุนแรนจนหลายคนก็ต่างกังขาว่ามันมีความจำเป็นหรือไม่
นับตั้งแต่ที่ตัวอย่างที่สองของ The Last of Us Part 2 เปิดตัวออกมาในงาน Playstation Experience เมื่อปี 2016 มันก็ได้ฉายภาพของความรุนแรงในระดับที่ทำให้เราเสียวสันหลังไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครในเกม ซึ่งก็ได้ก่อให้เกิดคำถามกับใครหลายคนจนกลายเป็นหัวข้อที่มีการถกเถียงกันอยู่ช่วงหนึ่งว่า มันเป็นความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุหรือไม่? และมันเหมาะสมหรือเปล่ากับการนำมันมาอยู่ในวิดีโอเกม แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดยั้งความตั้งใจของทีมงาน Naughty Dog ได้ ที่พวกเขามักจะมาพร้อมกับความแน่วแน่ในการนำเสนอเรื่องราวอย่างที่พวกเขาต้องการเล่า เพราะในตัวอย่างของ The Last of Us Part 2 ที่ทางทีมงานได้แสดงให้เราได้ชมกันใน E3 2018 ที่ผ่านมานั่น มันก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะลดความรุนแรงลงไปแม้แต่น้อย
หนังอย่าง Irreversible ของผู้กับชาวฝรั่งเศส กัสปาร์ โนเอ เป็นหนึ่งในหนังที่ได้นำเสนอความรุนแรงจนกลายเป็นโจษจันเมื่อมันออกฉายในปี 2002 แม้มันจะนำเสนอเรื่องราวของความรุนแรงเป็นหลัก แต่ถึงกระนั้นมันก็เป็นหนังที่ได้สร้างแรงผลักดันให้กับวงการภาพยนตร์ในยุคต่อมาเป็นอย่างมาก และแม้จะผ่านมาเกือบสองทศวรรษแล้วมันก็ยังคงเป็นหนึ่งในหนังที่ใครหลายคนต่างคิดถึง แต่กับวิดีโอเกมที่เป็นสื่อบันเทิงในการสร้างความสนุกสนานให้กับผู้เล่นนั้นมันกลับกลายเป็นสิ่งต้องห้ามในช่วงทศววรษที่ผ่านมา ที่วดีโอเกมที่มีความรุนแรงหลายต่อหลายเกมถูกสั่งห้ามการวางจำหน่าย ซึ่งบางเกมเองก็ต้องยอมรับว่ามันคือเกมที่ทำให้ความรุนแรงนั้นเป็นเรื่องสนุกในแบบไม่ถูกไม่ควร แต่กับเกมอีกหลายๆเกมที่ถูกห้ามวางจำหน่าย มันก็มีอีแง่มุมที่น่าสนใจไม่น้อยนอกไปจากเรื่องของความรุนแรงที่มันก็อาจจะเป็นภาพฉายของสังคมในยุคนั้นๆอีกทีก็เป็นได้
ความท้าทายของการเล่าเรื่องที่มีความรุนแรงเป็นหลักใน The Last of Us 2
ฮอลลี่ กรอส มือเขียนบทของเกม The Last of Us Part 2 ได้ให้นิยามนิยามความรุนแรงในเกมของพวกเขาไว้ว่า มันคือการนำเสนอ “วัฎจักรทางธรรมชาติของความรุนแรง” ซึ่งถ้าจะให้ขยายความก็คือการที่ “ความรุนแรงเป็นบ่อเกิดของความรุนแรงอีกทอดหนึ่งที่ถูกส่งต่อผ่านกันไปเรื่อยๆ” จากที่เราได้เห็นในตัวอย่างที่ทางทีมงานได้นำมาแสดงในงาน E3 2018 เราก็คงจะตระหนักแล้วว่า ‘เอลลี่’ ตัวละครหลักที่เป็นเด็กสาวนั้น มีทักษะการต่อสู้ที่ดูโหดเหี้ยมและไร้ความปราณีต่อศัตรูที่เข้ามาทำร้ายเธอ (ซึ่งผิดกับภาพลักษณ์ทางเพศสภาพอีกด้วย) ซึ่งนั้นก็เป็นเพราะ “วัฎจักรของความรุนแรง” ที่ถูกส่งต่อมาถึงตัวเธอนั่นเองในลักษณะของ “บาดแผลทางจิตใจที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ” ซึ่ง นีล ดรั๊กแมนน์ ผู้กำกับของตัวเกม The Last of Us Part 2 นั้นก็ยังได้เสริมประเด็นในเรื่องนี้อีกด้วยว่า สิ่งที่ทีมงานพยายามนำเสนอนั้นไม่ใช่ความรุนแรงเพื่อความสนุกในส่วนของเกมการเล่น แต่มันคือการสร้างการปฎิสัมพันธ์กับผู้เล่นให้เข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องราว
เช่นเดียวกับการนำเสนอความรุนแรงในวงการภาพยนตร์ดังเช่นภาพยนตร์อย่าง Irreversible ที่นำเสนอความรุนแรงในมุมของศิลปะแขนงหนึ่ง The Last of Us Part 2 นั้นก็คือมีเจตจำนงค์เดียวกันในการนำเสนอความรุนแรงที่จะมาเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการเล่าเรื่อง
“มันคือการเข้าถึงความรุนแรงในเชิงของศิลปะ ในการสร้างมันให้มีความดิบและสมจริงที่สุดเท่าที่จะทำได้”
คุณ นิล ดรั๊กแมนน์ได้อธิบายว่า The Last of Us Part 2 นั้นใช้ความรุนแรงแบบสุดขั้วที่เต็มไปด้วยเลือดที่สาดกระเซ็นที่การกระทำเหล่านั้นเป็นจุดที่ทำให้ผู้เล่นจะรู้สึกว่า “การเดินหน้าไปต่อนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่าย” แต่ก็จุดมุ่งหมายของตัวละครและเรื่องราวจะเป็นตัวผลักดันทำให้เราอยากที่จะเล่นต่อ ซึ่งเขาก็หวังว่าผู้เล่นนั้นจะมีการตอบสนองต่อการกระทำที่พวกเขาได้มีส่วนร่วมในการทำให้เรื่องราวนั้นได้ดำเนินต่อไป
การนำเสนอเรื่องราวของเกมที่ผสมผสานกับความเป็นภาพยนตร์นั้นคือหนึ่งในความพยายามของทีมงาน Naughty Dog ที่ต้องการจะให้เกมเป็นสื่อที่สามารถนำเสนอเรื่องราวในมุมอื่นๆได้นอกจากความสนุก ไม่ต่างไปจากการรับชมภาพยนตร์ และ The Last of Us Part 2 ก็คือเกมภาคต่อของพวกเขากับความท้าทายใหม่ ที่ไม่ใช่เพียงแค่การตอบสนองต่อความคาดหวังของแฟนๆที่รอคอยและการสร้างความสนุกสนานที่ได้จากเกมการเล่นเท่านั้น แต่มันคือการแหย่เท้าเข้าไปเหยีบย่างในส่วนที่เปราะบางที่สุดของสังคมกับเรื่องของความรุนแรงอีกด้วย ที่มันจะต้องพิสูจน์ให้เห็นได้ว่ามันเป็นส่วนสำคัญในการเล่าเรื่องและยังต้องสามารถสื่อสารกับผู้เล่นได้อีกด้วยว่าความรุนแรงนั้นไม่ใช่เรื่องที่”สนุก” แม้ตัวมันจะทำหน้าที่เป็นวิดีโอเกมก็ตาม
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
- The Last of Us 2 Devs Talk Violence in Upcoming Sequel
- The Last of Us 2 Trailer Controversy Explained
ข่าวอื่นๆที่น่าสนใจในรอบวัน :
- Nintendo ตั้งเป้าว่าจะมีเกมอินดี้ลงให้กับเครื่อง Nintendo Switch 20-30 เกมต่อสัปดาห์
- Darksiders 3 ประกาศวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว โดยจะวางจำหน่ายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2018
- Code Vein เกมใหม่ของ Bandai Namco เลื่อนการวางจำหน่ายออกไปเป็นปี 2019
- Titanfall Online เกม Free to Play ที่จะเปิดให้บริการที่เกาหลีใต้ถูกยกเลิกการพัฒนาแล้ว
- หุ้น Capcom ร่วงอย่างมีนัยยะสำคัญกว่า 13% หลังเปิดตัว Monster Hunter: World เวอร์ชั่น PC