หนึ่งในกลไกการเล่นที่เป็นเสาหลักของ The Last of Us ในภาคแรกก็คือระบบการสร้างสิ่งของ (Crafting) ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นเก็บข้าวของต่างๆ ที่กระจายอยู่ตามฉากมาสร้างเป็นอุปกรณ์ในการเอาตัวรอดได้ และในภาคสองนี้มันตัวเกมก็จะมีการลงลึกไปยังรายละเอียดที่มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมและทำให้มันรู้สึกราวกับเป็นเกมแนวแก้ปริศนามากขึ้นอีกด้วย
คุณ Kurt Margenau หนึ่งในผู้กำกับของ The Last of Us Part 2 ได้ออกมาอธิบายถึงสิ่งที่ทางทีมงานได้ทำการปรับปรุงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในเกมภาคนี้ ผ่านการให้สัมภาษณ์ในนิตยสาร Game Informer ฉบับล่าสุด โดยในภาคนี้ Ellie จะมาพร้อมกับความสามารถในการสร้างอุปกรณ์เอาตัวรอดที่มากขึ้นกว่าตัวเอก Joel ในเกมภาคแรก และหนึ่งในสามของสิ่งของใหม่ๆ ที่เธอสร้างได้ก็คือกับดักประเภททุ่นระเบิดที่สามารถวางดักตัวศัตรูได้นั่นเอง
“เราเริ่มต้นกันด้วยการขยายจำนวนของสิ่งของจริงๆ ที่คุณสามารถสร้างได้ให้มากขึ้นครับ” คุณ Margenau อธิบาย “แต่เพื่อให้มันทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมันก็มีอะไรที่ต้องแลกมาด้วย และด้วยสูตรที่ว่านี้มันก็ทำให้มันมีการทับซ้อนกันบางอย่างเล็กน้อย เราได้ย้อนกลับไปมองแก่นแนวคิดในเกม The Last of Us ภาคแรกที่เราสามารถสร้างระเบิด Molotov หรืออุปกรณ์ฟื้นฟูพลังชีวิตได้ เพื่อที่คุณจะได้รู้สึกว่ามันเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจที่ยากว่าจะเลือกสิ่งที่ดูเป็นประโยชน์ในการป้องกันดีหรือจะเป็นของเจ๋งๆ ที่เอาไว้จู่โจมดี? เราได้นำเอาไอเดียนั้นมาใช้และซ้อนทับมันด้วยสูตรสำเร็จที่แตกต่างกันออกไปทั้งหมด ซึ่งมันจะทำให้มันมีความเป็นปริศนาในเชิงกลยุทธ์ที่อยู่ในกระเป๋าเป้ของคุณที่คุณจะต้องแก้ไขมันให้ได้ในระหว่างการต่อสู้นั่นเอง”
นอกจากนี้คุณ Kurt Margenau ยังได้กล่าวถึงความท้าทายของการสร้างเกมในภาคนี้เอาไว้ด้วยอีกว่า
ไม่ว่าภาคต่อใดๆ มันก็เต็มไปด้วยความท้าทายทั้งนั้นเลยครับในการที่เรามักจะผลักดันขีดจำกัดของเราให้ไปได้ไกลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เราไม่ต้องการที่จะสูญเสียบรรยากาศของสิ่งที่เราได้สร้างให้กับแฟรนไชส์นี้ และด้วย Part 2 เราก็ต้องมาตั้งคำถามกับตัวเราอีกครั้งว่า ‘อะไรคือแก่นแท้ที่ทำให้มันยังคงเป็น The Last of Us?’ เราต้องทำให้แน่ใจว่ามันจะไม่สูญเสียแก่นแท้ของมันไปในขณะที่เรากำลังเดินหน้ากันอย่างหนักในการเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้เล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเราก็จะทำมันทั้งหมดไปพร้อมๆ กันในเกมภาคนี้นั่นเอง”
The Last Of Us Part 2 จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 พฤษภาคม 2020 เฉพาะบน PlayStation 4 เท่านั้น
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- นิตยสาร Game Informer ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2019