เมื่อ’ปัญญาประดิษฐ์’ สามารถสื่อสารและตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
FAST FACTS
- The Last of Us ภาคแรกทำยอดขายได้ทั้งหมด 7 ล้านก็อปปี้
- The Last of Us Part 2 ยังไม่มีกำหนดการวางจำหน่ายในตอนนี้
“ความสมจริง”ของวิดีโอเกมอาจจะไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่อง’กราฟฟิค’หรือทางด้าน ‘Visual’ เพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้วในการพัฒนาเกมต่อจากนี้ แต่อาจเป็นความสมจริงที่เกิดจาก AI หรือ’ปัญญาประดิษฐ์’ของเกมต่างหาก ที่จะทำให้เรารู้สึกได้ถึงความสมจริงที่ไม่ต่างจากการปฎิสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกันเอง
ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) นั้นเป็นที่สิ่งที่วงการการพัฒนาเกมดูเหมือนจะตีตัวออกห่างในช่วง Generation ของเครื่องคอนโซลในยุคที่ผ่านมา อาจจะเป็นเพราะความนิยมของเกมการเล่นในรูปแบบของโหมดมัลติเพลยเยอร์ (Multiplayer) ที่เทคโนโลยีทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับผู้เล่นคนอื่นๆได้ง่ายมากขึ้น
ดังนั้นที่ผ่านมาเราจึงมักจะเห็นการพัฒนาของ AI ในเกมการเล่นแบบ Single Player ที่ดูเหมือนจะเป็นการอยู่กับที่และมันฟังก์ชั่นง่ายๆเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น (ซึ่งคิดว่าเพื่อนๆน่าจะเคยเจอเรื่อง”ต๊องๆ”ของเหล่า AI หลายหลายต่อหลายครั้งแม้กระทั่งกับเกมที่ออกวางจำหน่ายอยู่ในสมัยนี้) หรือไม่ก็เป็นการพึ่งพาสคริปท์ทีีถูกจัดวางเอาไว้เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมไปกับผู้เล่น
แต่นั่นอาจจะไม่ใช่’ปรัชญา’การทำเกมของทางทีมพัฒนา Naughty Dog, LLC ผู้สร้างเกมในซีรี่ส์ Uncharted และ The Last of Us่ ที่พยายามจะนำ”เสนอการเล่าเรื่อง”ที่ไม่ต่างไปจากการรับชมภาพยนตร์ แต่แทนที่เราจะรับชมเพียงอย่างเดียวนั้น เราในฐานะผู้เล่นก็มีสิทธิ์ในตัดสินใจการกระทำบางอย่างของตัวละครที่กำลังดำเนินเรื่องราวอยู่ได้ (แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม) เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องราวให้มากยิ่งขึ้น
AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อความสมจริงที่ยิ่งขึ้น
ซึ่ง The Last of Us Part 2 นั้นก็คือการพัฒนา”ความสมจริง”ออกไปอีกขั้น กับการที่ทางทีมพัฒนาตัดสินใจยกเครื่องระบบ AI ใหม่ทั้งหมดจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ที่จะเป็นการทำให้เหล่า AI ในภาคนี้นั้นสามารถสื่อสารกันเองและมีปฎิสัมพันธ์กับผู้เล่นที่มากขึ้นกว่าที่เคยมีมาในวิดีโอเกมไหนๆ
และจากเกมเพลย์ที่เราได้ชมกันในงาน E3 2018 นั้น มันก็คือสิ่งที่พวกเขาได้ลงทุนลงแรงกันไปแล้ว โดยในฉากที่ทีมงานนำมาโชว์นั้น เราได้เห็นแล้วว่าศัตรูในเกมจะมีการปฎิสัมพันธ์กับผู้เล่นที่หลากหลายมากกว่าเดิม พวกมันสามารถหลบซ่อน,พวกมันมีการรับรู้สภาวะของสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัว และพวกมันก็ยังสมารถที่จะสื่อสารกันได้ด้วย
ซึ่งคุณ Kurt Margenau และคุณ Anthony Newman สองผู้กำกับของเกมก็ได้ยืนยันแล้วว่าสิ่งที่เราได้ชมกันไปนั้นไม่ใช่สคริปท์ที่ถูกวางไว้เพื่อนำมาโชว์ในงานแต่อย่างใดแต่มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยการใช้ AI ของเกมเป็นตัวกำหนด
“เราสร้าง AI ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ปัจจัยพื้นฐานของการทำงานของ AI เลย”
“ไม่ว่าจะเป็นวิธีการที่มันใช้ค้นหาและส่งต่อข้อมูลให้กันและกัน พวกมันสามารถพูดคุยกันเองได้ พวกมันสามารถเรียกชื่อกันได้ด้วยตัวของมันเอง และนั่นคือเป้าหมายอันสำคัญของทุกคน กับการที่จะทำให้มันมีความเป็นมนุษย์ให้มากที่สุด และนั่นคือทฤษฎีที่เป็นแก่นของ The Last of Us”
นั่นคือสิ่งที่คุณ Kurt Margenau กล่าว และก็อย่างที่เห็นในตัวอย่าง ในฉากที่ Ellie ตัวละครหลักกำลังหมอบคลานเพื่อหาที่หลบซ่อนนั้น เหล่าศัตรูเองก็จะเริ่มออกตามหาตัวเธอกันด้วยความนึกคิดของมันเอง และความเป็นไปได้ทุกอย่างที่มี มันมีการสื่อสารหากันโดยตลอดและยังส่งต่อข้อมูลที่ได้รับให้กันและกันอีกด้วย (ซึ่งก็มีความหลากหลายของรูปแบบการสื่อสารอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการตะโกนหากัน หรือการผิวปากเองก็ด้วย) กัน ซึ่งคุณ Kurt Margenau ยังได้อธิบายต่ออีกว่า
“AI จะรู้ได้ถึงเรื่องนั้นและพวกมันก็จะเริ่มมองพื้นที่ต่างๆที่จะสามารถเป็นที่หลบซ่อนของผู้เล่นได้ จากนั้นพวกมันก็จะเริ่มสื่อสารถึงกันโดยข้อมูลต่างๆที่พวกมันได้รับ รวมไปถึงการคาดเดาว่าผู้เล่นนั้นอยู่ตรงไหน”
“พวกมันรู้ได้ว่าผู้เล่นนั้นอยู่ที่ไหนสักที่และพวกมันก็สามารถสื่อสารถึงกันได้ ซึ่งมันคือแนวคิดที่พวกเรากำลังผลักดันกันอย่างหนักในการสร้าง AI ที่มีความรู้ที่ไม่ชัดเจน (Vague Knowledge) อย่างที่เห็นกันแล้วว่ามันรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหนสักที่นั่นแหละ และพวกมันก็มีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง แต่พวกมันไม่รู้แน่ชัดว่ามันคือที่ไหน ซึ่งนั่นคือพื้นที่สีเทาแห่งใหม่ที่เราได้สร้างขึ้นมา”
ระบบของการต่อสู้ที่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด
ไม่เพียงแต่ AI ของเกมเท่านั้นที่ได้มีการพัฒนาใหม่ ระบบการต่อสู้ของเกมก็เช่นเดียวกันเพราะใน The Last of Us Part 2 นั้นเราจะไม่ได้เป็น Joel ตัวเอกในภาคที่แล้วอีกต่อไป แต่มันจะเป็นเรื่องราวของตัวละคร Ellie ล้วนๆซึ่งเธอเป็นผู้หญิง ดังนั้นระบบการต่อสู้จึงจำเป็นที่จะต้องถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด
“เธอแก่ขึ้นกว่าภาคที่แล้ว 5 ปีและเธอก็ได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างจาก Joel แต่เธอไม่ใช่ผู้ชายล่ำบึ้กเหมือน Joel เธอคงไม่สามารถต่อยผู้ชายได้ด้วยหมัดลุ่นๆ และนั่นคือสิ่งที่พวกเราเห็นพ้องต้องกันว่าระบบต่างๆของเธอนั่นจะต้องถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด”
และก็อย่างที่เราได้เห็นกันแล้วว่าอาวุธหลักของเธอนั้นคือ‘มีด’ที่มาแทนที่’หมัด’ของ Joel นั่นเองที่ทำให้เธอสามารถต่อกรกับเหล่าศัครูได้ เช่นเดียวกับระบบอื่นๆที่เพิ่มเข้ามาใหม่อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น “ระบบกระโดด” ที่ในภาคนี้จะมีปุ่มกระโดดให้เราได้ใช้กันแล้ว และด้วยสรีระของ Ellie นั้นก็จะทำให้เธอสามารถแทรกเบียดตัวเองไปยังพื้นที่แคบๆได้อีกด้วย รวมไปถึงสิ่งที่ Joel นั้นก็ควรจะทำได้ก็ยังได้ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในภาคนี้
“มันมีบางอย่างที่ Joe สามารถทำได้เราจึงนำมันมาใส่ในท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเธออย่างที่เห็นกับระบบ Meat Shield (ที่เป็นการเอาศัตรูมาเป็นที่กำบัง) และระบบใหม่อย่างการกระโดดข้ามช่องว่างที่จะมีปุ่มกระโดดให้ผู้เล่นใช้ เช่นเดียวกับการเบียดตัวเองเข้าไปในช่องว่างแคบๆและยังมีการหมอบอีกด้วย ทั้งหมดนั่นคือสิ่งใหม่ๆที่เราได้เพิ่มเข้ามา” คุณ Anthony Newman อธิบาย
และใน The Last of Us Part 2 นั้นก็ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทางทีมพัฒนายังไม่ได้เปิดเผยออกมา ซึ่งบางทีสิ่งที่เราเห็นอาจจะดูไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญสำหรับเราเมื่อมองในภาพรวมหรือในฐานะที่มันเป็นเกมที่พยายามที่จะสร้างประสบการณ์ในรูปแบบของการดูภาพยนตร์ที่เราสามารถเล่นได้ แต่สิ่งที่ดูจะไม่สำคัญเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับทีมพัฒนาอย่าง Naughty Dogs ในการ”นิยามความสมจริงใหม่” ที่ไม่ใช่เพียงแค่ในเรื่องของงานภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการสร้างอารมณ์ร่วมของความสมจริงให้กับผู้เล่นอีกด้วย
เรื่องราวที่น่าสนใจของ The Last of Us Part 2 ยังมีอีกมาก และพวกเรา Gamerism.co เองก็อยากรู้ ซึ่งหากพวกเราเจอเรื่องราวที่น่าสนใจของมัน เราก็จะนำมาบอกเล่าให้เพื่อนๆได้อ่านกันต่อแน่นอน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง: