หลายคนก็คงน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่า The Division นั้นเป็นเกมที่เน้นการเล่นในส่วนของ Multiplayer เป็นหลัก กับการนำเสนอการเล่นในรูปแบบเกมแอ็คชั่นเดินหน้ายิงกึ่ง RPG และกึ่งการเป็น MMO เหมือนอย่างเกมอย่าง ‘Destiny’ หรือ ‘Warframe’ ซึ่งนั่นก็ทำให้ในเกมภาคแรกของซีรี่ส์นี้นั้นมีโหมดเนื้อเรื่องของเกมที่แทบจะมีการเล่าเรื่องที่เบาบางเสียเหลือเกิน และมันก็ยังทำออกมาได้ไม่ค่อยสนุกอีกด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อยเพราะโลกของ The Division บนจักรวาลของ Tom Clancy (ในแบบฉบับของ Ubisoft ล่ะนะ) มีเรื่องราวปูมหลังที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ข้อมูลเบื้องต้นของ The Division 2
- ผู้พัฒนา: Massive Entertainment
- ผู้ผลิต: Ubisoft
- เกมเอนจิ้น: Snowdrop
- เครื่องเกมที่วางจำหน่าย: PC,Xbox One,Playstation 4
- วันวางจำหน่าย: 15 มีนาคม 2019
- แนวเกม: Action,Role-Playing,Survival
The Division ว่าด้วยเรื่องราวของโลกอนาคตอันใกล้ที่สหรัฐอเมริกาได้ถูกจู่โจมโดยอาวุธชีวภาพที่ถูกซุกซ่อนผ่านการปนเปื้อนอยู่บนธนบัตร ซึ่งอาวุธชีวภาพชนิดนี้ก็ได้แพร่ระบาดไปทั่วทั้งอเมริกาและทำให้มันกลายเป็นโรคชนิดหนึ่งที่รู้จักกันในนาม ‘Green Poison’ จนทำให้สหรัฐอเมริกาเกือบทั้งประเทศต้องตกอยู่ในสภาวะอัมพาต และหลายพื้นที่ไดเกลายเป็นพื้นที่เขตกักกันเชื้อโรคไปอย่างสิ้นเชิง จนนำไปสู่ความสับสนวุ่นวายทั่วทั้งประเทศ และนั่นก็ทำให้เหล่า Sleeper Agent ในนาม The Division ต้องกลับมาปฎิบัติการณ์อีกครั้งเพื่อกอบกู้ความมั่นคงของมาตุภูมิให้กลับคืนมา
และ The Division 2 มันก็จะมาสานต่อเรื่องราวต่อจากเกมในภาคแรกให้ลึกลงไปยิ่งขึ้นและในครั้งนี้มันก็จะมีการเน้นไปที่ในส่วนของการเล่าเรื่องในโหมดแคมเปญสำหรับเล่นคนเดียวที่มากกว่าเดิม ซึ่งทาง Ubisoft ได้ยืนยันว่าใน The Division 2 นั้นทางทีมงานจะเน้นไปที่การเล่าเรื่องในส่วนของการเล่นเดี่ยวให้มากยิ่งขึ้นกว่าเกมภาคแรก
ในส่วนของการเล่าเรื่องใน The Division 2 นั้นคุณ Chadi El-Zibaoui ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของตัวเกมได้ออกมาบอกกับทางเว็บไซต์ Comicbook.com เอาไว้ว่า ตัวเกมนั้นจะไม่ได้มีเพียงปริศนาที่ผู้เล่นต้องไปตามหาเรื่องราวของมันเองเหมือนในเกมภาคแรกเท่านั้น แต่การเล่าเรื่องในภาคนี้จะได้รับการขัดเกลาและมีความลึกที่มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้ทั้งผู้เล่นที่ชอบเล่นเกมกับเพื่อน หรือผู้เล่นเดี่ยวได้รับความสนุกได้อย่าเท่าเทียม
“ตัวเกมสามารถเล่นคนเดียวได้อย่างสมบูรณ์แม้กระทั่งการทำกิจกรรมต่างๆในเกม แน่นอนว่ามันก็ยังจะมีกิจกรรมต่างๆอย่างเช่นการลง Raid ที่ต้องใช้ผู้เล่น 8 คนซึ่งนั่นก็เป็นกิจกรรมสำหรับผู้เล่นที่ชอบความท้าทายและมีกลุ่มเพื่อนที่เล่นด้วยกัน แต่ถึงกระนั้นมันก็มีแคมเปญที่ได้รับการขัดเกลามากขึ้นกว่าเดิมที่มาพร้อมกับการเล่าเรื่องที่มีความลึกมากขึ้นและปริศนาที่มากมาย ซึ่งถ้าคุณเป็นผู้เล่นเดี่ยวที่ชอบเล่นคนเดียว มันก็จะมีอะไรให้ค้นหามากมายผ่านโหมดแคมเปญของตัวเกม และในวันแรกของการวางจำหน่ายนั้นเราจะมีคอนเทนท์เป็น Gear ให้กับผู้เล่นทุกชนิดไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เล่นสายฮาร์คคอร์หรือเป็นผู้เล่นที่ชอบเล่นคนเดียวก็ตาม”
ซึ่งก็นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเล่นเกม The Division 2 เป็นอย่างมากทีเดียวที่ทางทีมงานนั้นได้ใส่ใจในส่วนของการเล่นคนเดียวที่มากขึ้น ไม่เพียงแต่การเล่าเรื่องเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงคอนเทนท์ต่างๆด้วย ซึ่่งหากใครที่ได้เคยเล่น The Division ภาคแรกนั้นก็คงจะทราบกันว่าการเล่นคนเดียวในเกมนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่สนุกเสียเท่าไหร่ (และอาจจะเรียกได้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยในโหมดที่เป็นตัวชูโรงของเกมอย่าง Dark Zone ที่ผู้เล่นจะต้องรวมทีมเข้ามาห่ำหั่นกันเพื่อแย่งชิงไอเท็มต่างๆที่เก็บมาได้) ซึ่งเชื่อว่า The Division 2 นั้นก็น่าจะมีการแก้ไขปัญหานี้ให้เกมมีความเป็นมิตรกับผู้เล่นที่ชอบการเล่นคนเดียวมากขึ้น และยังเปืดโอกาสให้ได้สัมผัสเกมการเล่นในแบบมัลติเพลเยอร์ในคราวเดียว
และเนื้อเรื่องของ The Division 2 นั้นก็อาจจะไม่ได้จบตายตัวในเกม เพราะทาง Ubsioft ก็ต้องการผลักดัน The Division 2นี้ให้กลายเป็นหนึ่งในบริการของ Ubisoft อย่างเต็มที่ในฐานะ ‘Game as a Service’ ที่เชื่อได้เลยว่ามันจะมีคอนเทนท์และเนื้อหามาให้เราได้เล่นกันอย่างไม่รู้จบอย่างแน่นอน
เกร็ดเล็กที่ไม่น้อย :
- The Division เตรียมถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แล้ว และจะได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง David Leitch ที่เคยฝากผลงานมาแล้วกับภาพยนตร์อย่าง Deadpool 2 และอาจจะได้ดาราดังอย่าง Jessica Chastain และ Jake Gyllenhaal มาร่วมแสดงด้วย
- The Division เตรียมออกหนังสือที่จะเป็นการอธิบายเรื่องราวปูมหลังต่างๆของตัวเกมในปี 2019 ในชื่อ ‘The World of Tom Clancy’s The Division’ ที่จะมีความหนา 192 หน้า
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
