Tom Clancy’s The Division 2 จะออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มีนาคม 2019 แต่ก่อนที่มันจะวางจำหน่าย ทาง Ubisoft เองก็ต้องการให้แน่ใจว่ามันจะเป็นเกมที่สมกับที่เหล่าแฟนๆต่างการรอคอย และตัวเกมก็จะมีการเปิดทดสอบในรูปแบบ Private Beta สำหรับผู้ที่สั่งจองเกมล่วงหน้าก่อนวันวางจำหน่ายจริง ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะเปิดให้ทดสอบในช่วงเดือน มกราคม 2019 ก่อนเปิด Public Beta สำหรับผู้เล่นทั่วไปที่ไม่ได้สั่งจอง
และใน Tom Clancy’s The Division 2 มันก็จะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ตัวเกมได้ปรับปรุงมาจากภาคแรก ไม่ว่าจะเป็นระบบคลาส เนื้อเรื่อง และรูปแบบการเล่น ที่ทำให้ผู้เล่นที่นิยมการเล่นคนเดียว ยังสามารถที่จะได้รับประสบการณ์การเล่นของ The Division 2 ได้อย่างเต็มที่ ไม่เหมือนกับภาคต้นฉบับที่เน้นไปที่การเล่นในรูปแบบของ Multiplayer เป็นหลัก และในเกมภาคนี้ ระบบอาวุธในเกมก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ด้วยองค์ประกอบที่ทางทีมพัฒนา Ubisoft Massive ได้หยิบยืมมาจากเกมอย่าง Destiny 2 ของทีมงาน Bungie และมาปรับปรุงให้มันมีความน่าค้นหามากกว่าเดิม
เช่นเดียวกับ Destiny 2 ระบบ Exotics Items ก็คืออาวุธหรือเครื่องแต่งกายที่หายากที่สุดของเกม The Division โดยในการที่ผู้เล่นจะได้มานั้น ก็อาจเป็นจากการทำภารกิจ หรือมาจากการจัดการบอสต่างๆในเกม ซึ่งเกมก็จะสุ่มการดรอปกล่องปริศนาที่เรียกว่า Exotic Cache มาให้ผู้เล่น ที่จะต้องไปลุ้นเอาว่า จะได้อาวุธหายากชนิดไหนมาใช้
นอกจากมันจะมีความหายากแล้ว มันยังมาพร้อมกับความสามารถต่างๆ ที่มากกว่าอาวุธรรมดาทั่วไป และมันก็ยังมาพร้อมกับเรื่องราวปูมหลัง (Lore) ของอาวุธนั้นๆ ที่จะผูกโยงเข้ากับเรื่องราวในเกม ที่ทำให้มันมีเอกลักษณ์แตกต่างไปจากอาวุธชิ้นอื่นๆ ซึ่งมันก็คือสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาใน The Division 2 จากการวิเคราะห์ของ Arrekz ยูทูปเบอร์ชื่อดัง ซึ่งจากวิดีโอของเขา เราก็เห็นได้ว่าอาวุธ Exotics Weapons ใน The Division 2 นั้นมันจะมาพร้อมกับเรื่องราวปูมหลัง และมันก็ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานในรูปแบบเดียวกับ Destiny 2 ที่จำกัดการสวมใส่อาวุธ Exotics และเรื่องแต่งกายได้เพียงอย่างละชิ้นเท่านั้น และมันก็ยังมาพร้อมกับความสามารถในการนำไปอัปเกรดได้ เพื่อให้ผู้เล่นที่ถนัดอาวุธชิ้นนั้นๆ สามารถใช้ได้ตลอดทั้งเกมการเล่น
และในเกมภาคนี้มันก็จะเป็น อาวุธประเภท Exotics Weapons ในเกมก็จะเป็นอาวุธที่ทาง Ubisoft Massive คิดขึ้นมาใหม่ทั้งหมด และมันก็จะมีอาวุธเก่าๆ จากเกมภาคแรก ด้วยระบบใหม่ที่เรียกว่า Brand ที่จะทำให้อาวุธแต่ละชิ้นมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม (แต่ก็ยังอิงการดีไซน์เดิมจาก The Division ภาคต้นฉบับ)
และสิ่งใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้สร้างสไตล์การเล่นในแบบที่ตัวเองต้องการ ก็คือระบบที่เรียกว่า Talent System ที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนได้แก่ Active talent, Characteristic talent, และ Holstered talent
โดย Active talent ก็คือความสามารถของอาวุธที่จะอิงกับเกมเพลย์เป็นหลัก เช่นความสามารถในการทำ Headshots ได้รุนแรงขึ้น, ทำให้ศัตรูเกิดสภาวะเลือดไหล (ฺBleeding) และอื่นๆ ในขณะที่ Characteristic talent ก็จะเป็นความสามารถที่เกี่ยวข้องกับอาวุธที่ผู้เล่นใช้ เช่นความมั่นคงขณะเล็งยิง (Stability) หรือความสามารถในการยิงระยะไกลเป็นต้น ส่วน Holstered talent ก็ทำหน้าที่ตามชื่อของมัน คือมันจะเพิ่มความสามารถให้กับผู้เล่นในรูปแบบ Passive Buff เมื่อผู้เล่นไม่ได้ใช้อาวุธนั้น แต่ยังสวมใส่อยู่ใน Loadouts ของตัวละคร
Ubisoft Massive ทำการบ้านมาเป็นอย่างดีในการปรับปรุงเกมการเล่นของ The Division ให้ความลึก และสร้างแรงดึงดูดให้ผู้เล่นได้อย่างน่าสนใจ และด้วยระบบอาวุธในเกมที่เปลี่ยนแปลงไป มันก็จะทำให้ผู้เล่นแต่ละคนมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
