Square Enix ปล่อยรายงานประจำปี 2022 (Annual Report) ออกมาแล้ว โดยในปีที่ผ่านมาพวกเขาสามารถทำรายได้สุทธิได้เป็นสถิติใหม่อีกครั้งที่ 365.2 พันล้านเยน (2.9 พันล้านเหรียญ) โดยเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซนต์จากปีก่อนที่ทำได้ 332.5 พันล้านเยน (2.25 พันล้านเหรียญ)
- รายได้สุทธิ 365.2 พันล้านเยน (2.9 พันล้านเหรียญ) เป็นสถิติใหม่ของบริษัท
- กำไรจากการดำเนินงาน 59 พันล้านเยน (0.4 พันล้านเหรียญ)
- กำไรสามัญ 70 พันล้านเยน (0.5 พันล้านเหรียญ)
Digital Entertainment
แผนก Digital Entertianment ยังคงเป็นแผนกหลักที่สร้างรายได้ให้กับทาง Square Enix โดยยังคงกินส่วนแบ่งถึง 76.6% ของรายได้ทั้งหมด
- รายได้สุทธิ 276.9 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนหน้า
- กำไรจากการดำเนินงาน 58 พันล้านเยน เพิ่มขึ้น 16.7% จากปีก่อนหน้า
สำหรับในปีที่ผ่านมาแผนก HD (High-Definition) ได้มีการปล่อยเกมออกไปวางจำหน่ายทั้ง OUTRIDERS, NieR Replicant ver.1.22474487139… และ Marvel’s Guardians of the Galaxy ซึ่งยอดขายรวมทั้งหมดยังไม่เทียบเท่าได้กับปีก่อนหน้าที่มีเกม FINAL FANTASY VII REMAKE และ Marvel’s Avengers ออกวางจำหน่าย แต่เป็นรายได้ของแผนก MMO ที่เติบโตขึ้นในทุก ๆ ปี ไม่เพียงแค่ยอดผู้เล่นรายเดือนของ FINAL FANTASY XIV ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก แต่ยังมาจากการออกวางจำหน่ายส่วนเสริมของเกมด้วย
ส่วนเกมในแผนก Smart Device/PC Browser มีผลประกอบการออกไมาได้ดีนัก โดยมีรายได้ที่ลดลงจากปีก่อนเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานในการจำแนกรายได้ใหม่ (Recognition Standard)
Amusement
- รายได้สุทธิ 45 พันล้านเยน (เพิ่มขึ้น 33.6% จากปีก่อน)
- กำไรจากการดำเนินงาน 2 พันล้านเยน (จากปีก่อนที่ขาดทุน 1.5 พันล้านเยน)
สำหรับธุรกิจสวนสนุกของ Square Enix ประกอบไปด้วยตู้เครื่องเกมอาร์เคด และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง โดยในปีงบประมาณก่อนแผนกนี้ได้รับผลกระทบอย่างมาจากการที่ต้องปิดตัวลงชั่วคราวเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ในปีนี้ก็สามารถนำกลับมาทำกำไรได้ตามปกติแล้ว และกินส่วนแบ่งรายได้ทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ 12%
Publication
- รายได้สุทธิ 29 พันล้านเยน (เพิ่มขึ้น 8.2% จากปีก่อนหน้า)
- กำไรจากการดำเนินงาน 12 พันล้านเยน (เพิ่มขึ้น 4.6% จากปีก่อนหน้า)
สำหรับแผนก Publication เป็นแผนกที่ดูแลด้านสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ทั้งนิตยสารการ์ตูน, หนังสือการ์ตูน, และหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเกม ซึ่งกินส่วนแบ่ง 7.9% ของรายสุทธิทั้งหมด ซึ่งในปีนี้ไม่เพียงแค่รายได้จากการขายในรูปแบบของดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงยอดขายรูปเล่มที่เพิ่มขึ้นด้วยจากความนิยมของ “My Dress-Up Darling” ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
Merchandising
Mercheandising เป็นแผนกที่ดูแลด้านการวางแผน การผลิต และการกระจายสินค้าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ที่ Square Enix เป็นเจ้าของ ซึ่งกินส่วนแบ่งรายได้ทั้งหมดของบรัษัทอยู่ที่ 3.5% ซึ่งในปีที่ผ่านมาก็มีการเติบโตขึ้นมากจากสินค้าที่เกี่ยวข้องกับตัวละครต่าง ๆ จาก IP ของค่ายไม่ว่าจะเป็นสินค้าในแบนรด์ PLAY ARTS KAI จาก FINAL FANTASY VII REMAKE, MASTERLINE จากเกม Nier: Automata และการเปิด SQUARE ENIX CAFE และยังรวมไปถึงการวางจำหน่ายชุด Collector’s Edition ของ FINAL FANTASY XIV: Endwalker อีกด้วย
ความสำเร็จของ FINAL FANTASY
นับตั้งแต่ออกวางจำหน่ายภาคแรกในประเทศญี่ปุ่นไปเมื่อปี 1987 เกม FINAL FANTASY ทำยอดส่งออกไปวางจำหน่ายทั้งในรูปแบบแผ่นและดิจิทัลรวมทะลุ 173 ล้านยูนิตไปแล้ว และก็กำลังจะมีเกม FINAL FANTASY XVI ออกวางจำหน่ายในช่วงซัมเมอร์ปี 2023 และเกม FINAL FANTASY VII ก็ยังถือได้ว่าเป็นเกมภาคที่ประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยยอดส่งไปวางจำหน่ายรวม 13.9 ล้านยูนิต ซึ่งก็กำลังจะมีเกม crisis core – FINAL FANTASY VII– REUNION ออกวางจำหน่ายในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ และ FINAL FANTASY VII REBIRTH ออกวางจำหน่ายในช่วงปลายปีหน้า นอกจากนี้ก็ยังมีเกม Final Fantasy VII Ever Crisis ที่จะลงให้กับแพลตฟอร์มมือถืออีกด้วย
และเกมที่เปิดให้บริการอย่าง FINAL FANTASY XIV, FINAL FANTASY BRAVE EXVIUS และ WAR OF THE VISIONS FINAL FANTASY BRAVE EXVIUS ก็ยังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
ควาสำเร็จของ DRAGON QUEST
สำหรับซีรีส์ DRAGON QUEST เพิ่งจะมีการฉลองครบรอบ 35 ปีไม่เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา โดยในตอนนี้เกมได้ทำยอดขายรวมทั่วโลกไปกว่า 85 ล้านยูนิตแล้วนับตั้งแต่ที่เกมภาคแรกออกวางจำหน่ายให้กับเครื่อง Nintendo Entertainment System ในปี 1986 และเพิ่งจะวางจำหน่ายเกม DRAGON QUEST X Offline ในประเทศญี่ปุ่นไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และก็กำลังจะมีเกมอย่าง DRAGON QUEST TREASURES ออกวางจำหน่ายในวันที่ 9 กันยายนนี้ รวมไปถึงเกม Infinity Strash: Dragon Quest The Adventure of Dai ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาอีกด้วย
ส่วนเกมมือถือย่าง Dragon Quest Walk, Dragon Quest Tact และ Star Dragon Quest ก็ยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
ความสำเร็จของซีรีส์ KINGDOM HEARTS
สำหรับ KINGDOM HEARTS ก็ทำยอดส่งออกไปวางจำหน่ายรวมได้ 36 ล้านยูนิตแล้ว นับตั้งแต่ที่เกมภาคแรกออกวางจำหน่ายให้กับเครื่อง PlayStation 2 ไปเมื่อปี 2002 โดยมีเกม KINGDOM HEARTS IV ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาในตอนนี้
แถลงการจากคุณ โยสุเกะ มัตซึดะ
อย่างไรก็ดีทาง โยสุกะ มัตซึดะ (Yosuke Matsuda) ประธานของ Square Enix ก็ยอมรับว่าแผนกย่อย HD Games (High-Definition Games) ของแผนก Digital Entertainment ทำไม่น่าประทับใจนัก หากเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีเกมในระดับ Major title ออกวางจำหน่ายไปจนถึงช่วงปิดปีงบประมาณในเดือนมีนาคม 2021 แต่ก็ยังให้คำชมว่าเกม OUTRIDERS เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทด้วยยอดผู้เล่นกว่า 3.5 ล้านราย และ NieR Replicant ver.1.22474487139… ก็ยังสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาได้อีกด้วย
สำหรับแผนกย่อยในส่วนเกมมือถือและเกมบนเว็บเบราส์เซอร์เองก็ทำรายได้ต่ำกว่าที่คาด โดย โยสุเกะ มัตสึดะ ได้ให้เหตุผลว่าเกมเก่า ๆ ได้เลยจุดพีคของเกมมาแล้วในขณะที่เกมใหม่ ๆ ก็มียอดผู้เล่นไม่เป็นไปตามที่หวัง แต่ก็มีเกมอย่าง Dragon Quest Walk ที่ยังคงมีสถานะมั่นคงอยู่ในตอนนี้ และจะมีการพัฒนาโครงสร้างขององค์กรเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของการพัฒนาในส่วนนี้อย่างแน่นอน
สำหรับการเดินหน้าในตลาดเกม NFT ทาง Square Enix ได้มีเซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์กับ Oasys ผู้พัฒนาบล็อกเชนไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่ง โยสุกะ มัตสึดะ ยืนยันว่า NFT จะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างกลยุทธ์เพื่อการเติบโตในอนาคต และเป็นสิ่งที่ทาง Square Enix ให้ความสนใจมากที่สุดในตอนนี้
โดยในปีงบประมาณ 2023 นี้นับเป็นปีที่สองของแผนธุรกิจระดับกลาง Medium-Term ปีที่ 2 แล้วซึ่งเป็นการวางรากฐานให้กับปีที่สามและปีสุดท้ายของแผนงาน ทาง Square Enix จึงไม่ได้มีการออกวางจำหน่ายเกม HD จากแฟรนไชส์ระดับเรือธงไปจนถึงสิ้นสุดงบประมาณในเดือนมีนาคม 2024 ซึ่งทา Square Enix ต้องการที่จะขยายพอร์ทเกมของทางค่ายให้หลากหลายมาขึ้นด้วยเกมขนาดกลางและ IP ใหม่ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2023
ในส่วนของการปรับโครงสร้าง เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2022 ทาง Square Enix ได้มีการขาย IP และสตูดิโอต่างชาติให้กับ Embracer Groip AB ไปแล้ว โดยประกอบไปด้วย Crystal Dynamics, Eidos-Montreal และ Square Enix Montreal รวมไปถึงกิจการและ IP ที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งเป้าหมายของการขายกิจการในครั้งนี้ก็เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับรากฐาน ด้วยการปรับพอร์ทเกมและค่ายภายในเครือใหม่ทั้งหมด เพื่อให้บริษัทสามารถจัดสรรค์ทรัพยากรได้สะดวกขึ้น และเพื่อให้การพัฒนาเกมมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นในสาขาที่เชี่ยวชาญ โดยทางคุณ โยสุเกะ มัตสึดะ ยอมรับว่าตลาดเกมในประเทศญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ในระดับที่ทำให้พวกเขาแข่งขันในตลาดโลกได้ และทาง Eidos เองก็มีเป้าหมายที่ต้องการจะเน้นหนักไปในการพัฒนาเกมระดับ Major Title อยู่ซึ่งมันส่งผลกับแผนในระยะกลางและระยะยาวของบริษัทนั่นเอง
สำหรับการเดินหน้าในตลาดเกม NFT ทาง Square Enix ได้มีเซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์กับ Oasys ผู้พัฒนาบล็อกเชนไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่ง โยสุกะ มัตสึดะ ยืนยันว่า NFT จะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างกลยุทธ์เพื่อการเติบโตในอนาคต และเป็นสิ่งที่ทาง Square Enix ให้ความสนใจมากที่สุดในตอนนี้