RAGE 2 จะไม่ได้เน้นหนักไปที่ระบบยานพาหนะอย่างที่หลายคนคิด

ปี 2018 เป็นปีที่เหงาหงอยสำหรับค่ายเกมที่เต็มไปด้วยวิสัยทัศน์ และแนวทางที่ชัดเจนอย่าง Bethesda Softworks ที่ในปีนี้พวกเขามีเกมอย่าง Fallout 76 ออกวางจำหน่ายเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น และเกมยักษ์ใหญ่อย่าง The Elder Scrolls 6 และ Starfield ก็ยังอาจต้องรอกันอีกนาน แต่ในปีหน้าพวกเขาก็จะมาพร้อมกับเกมแฟรนไชส์ในสังกัดเหมือนเช่นเดิมที่เคยเป็น และหนึ่งในนั้นคือภาคต่อของเกมยิงเกมสุดท้ายของ John Carmack บิดาของเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง กับ RAGE 2 ที่เป็นผลงานการพัฒนาร่วมกันระหว่าง id Software และ Avalanche Studios

RAGE ภาคแรกเป็นหนึ่งในความพยายามของ John Carmack ที่หมายจะกลับมาทวงบัลลังก์ของราชันย์แห่งเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งอีกครั้ง ด้วยนำเสนอรูปแบบการเล่นในแบบ Old School ที่ผสมผสานไปกับโลก Open World อันแสนกว้างใหญ่ แต่ก็น่าเสียดายที่มันกลับไปได้ไม่ถึงฝั่งฝันแม้จะไม่ได้เป็นเกมที่แย่ แต่มันก็ยากที่ใครจะจดจำได้ด้วยโลกของเกมที่ไร้สีสัน เนื้อเรื่องที่ไม่สนุก และเกมเพลย์ที่แสนคร่ำครึ ก็ทำให้ใครหลายคนต่างต้องแปลกใจเมื่อทาง Bethesda Softworks ประกาศกลาง งาน E3 2018 กับการกลับมาอีกครั้งกับของ RAGE กับภาคต่ออย่าง RAGE 2  ที่เป็นผลงานในการร่วมพัฒนาของ id Software และ Avalanche Studios ผู้สร้างเกมซีรีส์ Just Cause อีกด้วย

และด้วยการที่มันเป็นเกมภาคต่อ แน่นอนว่า RAGE 2 ก็ต้องมาพร้อมกับการแก้ไขสิ่งที่เกมในภาคแรกได้สร้างความผิดพลาดเอาไว้ และยังต้องปรับปรุงมันให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม จากโลกของเกมอันแสนแห้งแล้งในภาคแรก มาในภาคนี้มันก็จะเต็มไปด้วยความหลากหลายของทัศนียภาพที่มากขึ้น ด้วยศักยภาพของ Apex Engine ขุมพลังของทีมงาน Avalanche Studios ที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างโลกของ RAGE 2 ที่เต็มไปด้วยสีสัน และความมีชีวิตชีวา

“หลายๆ อย่างที่เราได้รับมา (จากภาคแรก) อย่างแรกเลยคือความปรารถนาของเราในการผลักดันมันให้ไปได้ไกลกว่าที่ RAGE เคยเป็น” นั่นคือสิ่งที่คุณ Tim Willits ผู้อำนวยการของ id Software ได้กล่าวไว้ในนิตยสาร GamesTM ฉบับที่ 206

“และเมื่อมองไปยังเทคโนโลยีของ Apex มันก็เต็มไปด้วยความสามารถในการสร้างป่าดงดิบ ป่าสน และหนองบึงไปจนถึงเมืองที่เติบใหญ่ และมันก็ยังได้นำแสงและสีสันของพืชไม้นานาพันธุ์มาให้เราได้อีกด้วย สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นการชี้นำให้เราต้องมีตัวละครที่เต็มไปด้วยสีสัน และเหล่าผู้คนที่ได้รับการวิวัฒนาการ ก็ทำให้เราสามารถสร้างตึกรามบ้านช่องและท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสีสันได้ด้วยเช่นกัน ในตอนนี้เรามีแคมเปญการตลาดสำหรับมันแล้ว มันช่วยเราอย่างมากในการวางรากฐานในการสร้างความเป็นปัจเจกที่มีความเฉพาะตัว ในโลกที่บางครั้งก็เต็มไปด้วยเกมที่ฉาบสีน้ำตาลไว้”

“แต่คุณก็ไม่สามารถแต่งเติมสีเข้าไปในทุกสิ่งได้” คุณ Loke Wallmo จาก Avalanche อธิบายเพิ่มเติม “เพราะนั่นก็คือส่วนหนึ่งของความเป็นปัจเจกของ RAGE มันควรจะมีทั้งความสนุกและความบ้าที่มาเป็นอันดับแรก และเพื่อการนั้นมันก็จำเป็นที่จะต้องทำงานร่วมกันกับเกมเพลย์ที่เรากำลังพยายามสร้างกันอยู่ให้เป็นอย่างดี ด้วยตัวละคร ฝั่งฝ่าย มันต้องเปี่ยมไปด้วยสีสันและความเป็นเหตุเป็นผลมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”

หลังจากที่หลายคนได้รู้ว่า Avalanche Studios จะมามีส่วนร่วมไปกับการสร้าง RAGE 2 มันก็เต็มไปด้วยความสงสัยของแฟนเกมว่า RAGE 2 จะเน้นหนักไปที่ระบบยานพาหนะ แบบเดียวกับเกมอย่าง Mad Max หรือ Just Cause หรือไม่ ซึ่งใน RAGE ภาคแรกระบบการต่อสู้ด้วยยานพาหนะ ก็มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในเกมการเล่น ซึ่งมันทำออกมาได้ไม่สนุกเท่าที่ควร และมันก็เป็นสิ่งที่ทีมงาน Avalanche รู้เป็นอย่างดี แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งได้รับโอกาสในการมาพัฒนาเกมในภาคนี้เป็นครั้งแรกก็ตาม ซึ่งมันก็ได้ส่งผลให้ระบบยานพาหนะใน RAGE 2 เต็มไปด้วยอิสระ ที่ไม่เป็นการบีบบังคับให้ผู้เล่นต้องเล่นในส่วนที่พวกเขาไม่อยากเล่นอีกแล้ว

Rage 2 Vehicle

“มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างในเชิงของเกมเพลย์ที่จะเน้นไปที่เรื่องของอาวุธปืนบนยานพาหนะที่มากขึ้น มีระเบิดที่มากขึ้น และก็มีอุปกรณ์ต่างๆ ที่มากขึ้น เหนือกว่าสิ่งอื่นใดอะไรประมาณนั้น” คุณ Loke Wallmo อธิบาย

“ดังนั้นมันจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความแตกต่างให้ผู้เล่นอยากที่จะเดินทางด้วยยานพาหนะ แต่เราก็ไม่เน้นหนักไปกับยานพาหนะมากนัก”

“คุณจะมียานพาหนะหลักเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ที่ได้รับการปรับแต่งมาแล้วสำหรับการออกไปต่อสู้ใน Wasteland แต่คุณก็สามารถขับยานพาหนะคันไหนก็ได้ในเกมหรืออะไรอื่นๆ ที่ใกล้เคียง มันขึ้นอยู่กับคุณเลยว่าคุณอยากที่จะเข้าถึงโลกด้วยวิธีการไหน และคุณก็สามารถเดินทางไปรอบๆ โลกได้อย่างที่คุณต้องการ ซึ่งยานพาหนะหลักของคุณก็ยังมาพร้อมกับความสามารถในการอัปเกรดได้ และคุณก็ยังสามารถปรับแต่งอาวุธและยุทโธปกรณ์ของมันได้อีกเล็กน้อย”

ในเมื่อมันไม่เน้นหนักไปที่ระบบการต่อสู้ด้วยยานพาหนะ แน่นอนว่าสิ่งที่ทีมงานเน้นหนักก็คงต้องเป็นระบบการต่อสู้ด้วยอาวุธปืนแบบเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ที่มาพร้อมกับระบบสกิลและลูกเล่นต่างๆ มากมาย ซึ่งเราก็คงต้องรอดูกันว่าเมื่อเกมออกวางจำหน่ายในช่วงต้นปี 2019 นั้น มันจะสามารถพลิกกลับมาเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์แถวหน้าของวงการเกมได้หรือไม่

แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

RAGE 2 “Not Really Focusing On Vehicles That Much”, Has A World Full of “Colour and Vegetation”

Share this article
0
Share
0 Share
0 Tweet
0 Share
0 Share
Shareable URL
0
Share