PlayStation ทำยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 5.6 พันล้านแต่กำไรลดลงถึง 40 เปอร์เซ็นต์

Sony แถลงผลประกอบการในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2022 ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2021 ออกมาแล้ว โดยแผนก Game & Network Service ทำรายได้ไปถึง 5.6 พันล้านเหรียญเพิ่มขึ้น 9.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกันปีต่อปี โดยเป็นผลมาจากการวางจำหน่ายฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ดีผลกำไรจากการปฏิบัติการณ์ของบริษัทกลับลดลงถึง 40 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 762.9 ล้านเหรียญอันเนื่องมาจากการวางจำหน่ายเรื่อง PlayStation 5 ด้วยราคาเชิงกลยุทธ์ที่ทำให้ตัวเครื่องมีราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนทางการผลิต ประกอบกับเครื่อง PlayStation 4 ที่ทำรายได้ลดลงจากเดิมด้วย

โดยในช่วงไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมาทาง Sony ได้ทำยอดขายเครื่อง PlayStation 4 ไป 1.9 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงทำให้ผู้คนซื้อสิ่งบันเทิงในครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วตัวเครื่อง PlayStation 4 จะทำยอดขายไปได้เพียง 500,000 ยูนิตเท่านั้น

สำหรับเครื่อง PlayStation 5 ก็ทำยอดขายไปได้ 2.3 ล้านยูนิตในไตรมาสที่ผ่านมาและก็ทำให้ในตอนนี้ตัวเครื่องทำยอดขายรวมไปได้ 10 ล้านยูนิตแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในส่วนของเกมจากค่าย first-party กลับลดลงมาอยู่ที่ 10.5 ล้านยูนิต ซึ่งลดลงเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่สามารถส่งออกไปวางจำหน่ายได้ถึง 18.4 ล้านยูนิต

โดยตัวเลขที่ลดลงเป็นอย่างมากก็มาจากการที่ปีที่แล้วทาง Sony ได้มีการวางจำหน่ายเกมฟอร์มยักษ์มากมายนั่นเอง โดยเฉพาะ The Last of Us 2 ของทีมงาน Naughty Dog ที่สามารถทำยอดส่งออกไปได้ถึง 4 ล้านยูนิตในสามวันแรกของการวางจำหน่ายเมื่อเดือนมิถุนายน 2020 ในขณะที่ในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ก็มีเพียงแค่เกมอย่าง Ratchet & Clank: Rift Apart และ Returnal เท่านั้นที่สามารถทำยอดส่งไปวางจำหน่ายได้ 1.1 ล้านยูนิตและ 560,000 ยูนิตตามลำดับ แต่ก็ด้วยการที่ทั้งสองเป็นเกมเอ็กซ์คลูซีฟที่ลงให้กับ PlayStation 5 เท่านั้นซึ่งยังมีจำนวนฐานผู้ใช้งานที่น้อยกว่า PlayStation 4 อยู่มาก แต่อย่างไรก็ดี โดยรวมแล้วในไตรมาสที่ผ่านมาทาง PlayStation ก็ทำยอดส่งออกไปวางจำหน่ายรวมทั้งสองแพลตฟอร์มได้ 63.6 ล้านยูนิตซึ่งลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่ทำยอดส่งไปได้ถึง 91.4 ล้านยูนิต

สำหรับรายได้จากเกมและ add-on ต่างๆ นั้นมีตัวเลขอยู่ที่ 3.3 พันล้าน ลดลง 16 เปอร์เซ็นต์จาก 4 พันล้านที่เคยทำได้ โดยแบ่งออกเป็นรายได้จากการขายเกมกล่องที่ 234.5 ล้านเหรียญ รายได้จากการวางจำหน่ายแบบดิจิทัลที่ 1 พันล้านเหรียญ และอีก 1.9 พันล้านเหรียญที่มาจาก add-on ต่างๆ

แต่ในส่วนของฮาร์ดแวร์ทาง Sony ได้รายได้มาทั้งหมด 934.3 ล้านยูนิตจากแบรนด์ PlayStation ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปีก่อนหน้าที่ทำรายได้อยู่ที่ 508.3 ล้านเหรียญ

โดยรายได้ในส่วนของบริการเครือข่ายของ Sony เองก็เพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 934.2 ล้านเหรียญจากจำนวนสมาชิก PlayStation Plus ที่เพิ่มมากขึ้นจาก 45 ล้านรายเมื่อปีที่แล้วมาเป็น 46.3 ล้านรายในปีนี้ แม้จะมีจำนวนที่ลดลงจากไตรมาสที่ 4 ที่ของปีที่แล้วที่เคยทำได้ 47.6 ล้านรายก็ตาม โดยในส่วนของผู้เล่นที่มีการแอคทีฟต่อเดือน (Monthly active users) ก็ลดลงจากปีก่อนเช่นกันจาก 114 ล้านรายมาอยู่ที่ 104 ล้านราย และลดลงมาจากไตรมาสที่แล้วที่มีจำนวนผู้ใช้งานอยู่ที่ 109 ล้านราย

แต่ถึงแม้กำไรโดยรวมของ Sony จะลดลงในไตรมาสที่ผ่านมา แต่แผนก Game & Network Service ยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของทาง Sony ทั้งในเชิงยอดขายและกำไร ซึ่งโดยองค์รวมของทั้งบริษัททาง Sony ทำยอดขายไปได้ 21 พันล้านเหรียญเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ โดยมีปัจจัยหลักมาจากแผนก Electronic Products & Solutions และ Music

โดยในส่วนผลกำไรจากการปฏิบัติงานก็เพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 2.6 พันล้านที่แม้แผนก Game & Network Service จะมีกำไรที่ลดลงแต่ก็ได้กำไรจากทาง Electronic Products & Solutions มาชดเชยส่วนต่างให้นั่นเอง

โดยทาง Sony ได้มีการประมาณการเอาไว้ว่าในตลอดทั้งไตรมาสที่เหลือไปของบริษัทจะมีรายได้อยู่ที่ 88.8 พันล้านเหรียญ และมีผลกำไรจากการปฏิบัติการณ์เพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 9 พันล้านเหรียญ และสำหรับการประมาณในส่วนของแผนก Game & Network Service ก็คาดการณ์เอาไว้ว่าจะสามารถทำยอดขายได้ 26.6 พันล้านเหรียญ และมีกำไรจากการปฏิบัติการณ์อยู่ที่ 3 พันล้านเหรียญ

Share this article
0
Share
0 Share
0 Tweet
0 Share
0 Share
Shareable URL
0
Share