ในยุคสมัยหนึ่ง “Survival Horror” เคยเป็นแนวเกมหัวหอกในการเป็นรากฐานของการพัฒนาเกมที่ส่งมอบสิ่งต่างๆ ให้กับการพัฒนาเกมในยุคสมัยต่อมา ไล่เรียงมาตั้งแต่เกม Alone in the Dark, Resident Evil และอื่นๆ อีกมากมาย และหนึ่งในเกมที่เราจะไม่กล่าวถึงไปเสียมิได้ก็คือเกม “Silent Hill” เกมสยองขวัญในดวงใจของใครหลายคน ที่ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดกลายเป็นเกมสยองขวัญสุดคัลท์ที่ชื่อว่า Siren ขึ้นมานั่นเอง
จาก Silent Hill สู่ Siren
หลังจากทำหน้าที่ในการกำกับและสร้างสรรค์เกม Silent Hill จนโด่งดังและกลายเป็นหนึ่งในเกมสยองขวัญที่ดีที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์วงการเกม ผลงานต่อมาของคุณ Keiichiro Toyama ก็กลับกลายเป็นเกมที่ไม่เป็นที่ถูกพูดถึงมากนักในวงกว้าง แต่ลึกลงไปแล้วมันคือการสานต่อที่เต็มไปด้วยความสยองขวัญ และน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าสิ่งที่ Silent Hill เคยเป็น เกมที่ว่านั้นก็คือ “Siren” หรือ “Forbidden Siren” ที่ออกวางจำหน่ายให้กับเครื่อง PlayStation 2 ในปี 2003 นั่นเอง
ก่อนที่ทางคุณ Toyama จะมาเริ่มสร้าง Siren การจากลาของเขากับ Konami มันเป็นอะไรที่ไม่ราบรื่นอย่างที่เขาคาดหวัง “Silent Hill ได้ตั้งมาตรฐานใหม่เอาไว้อย่างมั่นคงครับ และผมก็ภูมิใจที่เราได้ทำมันจนสำเร็จ แต่ด้วยตำแหน่งงานของผมมันทำให้ผมโดนกดดันเป็นอย่างมาก และผมก็ไม่มีประสบการณ์มากพอทีที่จะจัดการปัญหาที่ถาโถมเข้าได้อีก พูดตรงๆ นะครับผมเสียความมั่นใจในการกำกับของผมไปเลย และเพื่อเริ่มต้นใหม่ผมก็เลยมาร่วมงานกับทาง SCE (Sony Computer Entertainment ที่ในตอนนี้คือ Sony Interactive Entertainment ไปแล้ว) ในฐานะของศิลปินที่จะมาสร้างเกมที่ไม่ใช่แนวที่ผมเคยทำมา นั่นแหละครับมันทำให้ผมได้รับประสบการณ์ที่ผมจำเป็น ได้มีโอกาสในการเรียนรู้ในการเป็นผู้นำให้กับทีมงานอย่างเป็นธรรมชาติ แม้ผมจะสร้างเกมที่มีแนวการเล่นที่แตกต่างไปจากที่เคยก็ตาม ผมก็ยังคงเก็บสะสมไอเดียต่างๆ เกี่ยวกับความสยองขวัญเอาไว้โดยตลอดครับ เพื่อที่เมื่อถึงเวลาผมจะได้มาทำหน้าที่ในฐานะผู้กำกับเกมของผมเอง มันคือสิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจในการสร้างเกมสยองขวัญขึ้นมาอีกครั้งนั่นเองครับ”
หมู่บ้านสยอง
Siren หรือ Forbidden Siren พาผู้เล่นไปทำความรู้จักกับหมู่บ้าน Hanuda เมืองในเขตชนบทของประเทศญี่ปุ่น มันคือหมู่บ้านที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่ทำให้มันถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจ ทะเลสีแดงอันดูเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุด และผู้คนที่ถูกกลืนกินโดยพลังงานบางอย่างจนนำไปสู่เรื่องราวของการปลุกเทพจากกาลก่อนให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าคุณคลายความแน่นตึงและคลายปมในหลายๆ จุด คุณจะพบว่ามันเป็นมีเพียงแค่หนึ่งเส้นเรื่องที่โยงใยออกมา มันคือช่วงเวลาแห่งการปลดปล่อยความจริงแท้ นั่นแหละครับคือวิธีการที่ผมบอกกับทีมงานในการสร้างการเรื่องราวให้กับเกม”
เหล่าผู้คนที่ถูกกลืนกินถูกเรียกขานในชื่อ “Shibito” พวกคือชาวบ้านที่กลายร่างเป็นเหล่าผีร้ายที่ออกเพ่นพ่านไปตามเมือง Hanuda ด้วยความคิดอ่านเหมือนดั่งผีดิบ พวกเขาครวญครางและส่งเสียงคำรามอย่างน่าหวั่นเกรง พวกเขายังคงทำกิจวัตรจากความทรงจำที่เหลืออยู่จากความเป็นมนุษย์อย่างไร้ความหมาย และคอยตามล่าสังหารเหล่าผู้คนที่ยังไม่ได้ถูกกลืนกินจนกลายเป็น Shibito อีกด้วย
ในเกม Siren ผู้เล่นจะได้รับบทบาทเป็นเหล่าผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ในหมู่บ้าน Hanuda สิบชีวิตที่จะต้องหาทางหนีออกไปให้ได้ก่อนที่พวกเขาจะถูกกลืนกินจนกลายเป็น Shibitio เสียงเอง เกมได้มีการเล่าเรื่องในรูปแบบตอนแยกที่เล่าเรื่องราวของกลุ่มผู้รอดชีวิตจากมุมมองที่แตกต่างกันออกไป จนนำไปสู่บทสรุปของเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความพลิกผันที่ทั้งน่าประหลาดใจและเป็นที่น่าประทับใจไปพร้อมกัน
คุณ Toyama ได้อธิบายถึงการสร้างเรื่องราวในเกม Siren เอาไว้ในบทสัมภาษณ์กับทาง Bloody Disgusting ว่า “ถ้าคุณคลายความแน่นตึงและคลายปมในหลายๆ จุด คุณจะพบว่ามันเป็นมีเพียงแค่หนึ่งเส้นเรื่องที่โยงใยออกมา มันคือช่วงเวลาแห่งการปลดปล่อยความจริงแท้ นั่นแหละครับคือวิธีการที่ผมบอกกับทีมงานในการสร้างการเรื่องราวให้กับเกม”
เช่นเดียวกับเกม Silent Hill ที่มีเมือง Silent Hill เป็นใจกลางของเรื่องราวทั้งหมด เรื่องราวใน Siren เองก็มีหมู่บ้าน Hanuda เป็นศูนย์กลางของเรื่องราว แต่แทนที่ด้วยตึกรามบ้านช่องจากสไตล์ตะวันตกมาเป็นหมู่บ้านทางชนบทของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนที่สร้างจากไม้ที่กำลังผุพัง แต่มันก็ยังเหลือไว้ซึ่งสัญญาณของการใช้ชีวิตตามปกติของผู้คนที่อยู่ๆ ราวกับถูกขัดขวางชีวิตประจำวันเหล่านั้นด้วยพลังงานบางอย่าง และยังเต็มไปด้วยร่องรอยของการใช้ยานพาหนะและกิจกรรมต่างๆ ที่ถูกคุกคามโดย Shibito ที่เหนือไปกว่านั้นคือบรรยากาศจากเสียงไซเรนอันบาดหูที่ดังกังวานไปทั่วหมู่บ้าน บรรยากาศเหล่านี้ได้สร้างความแตกต่างจาก Silent Hill ที่เป็น “เมืองผี” โดยสมบูรณ์อย่างชัดเจน หมู่บ้าน Hanuda ยังไม่ใช่เมืองร้างและเป็นเมืองที่เหมือนจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ แต่ด้วยพลังงานบางอย่างที่แฝงซ่อนอยู่กลับทำให้มันกลายเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ราวกับเป็นเมืองที่หลุดมาจากนิยายของ H.P. Lovecraft ซึ่งคุณ Toyama ยังตั้งใจที่ทำให้มันเป็นความสยองขวัญที่มีเพียง “กลุ่มเด็กเท่านั้นที่สัมผัสได้” อีกด้วย
สิ่งหนึ่งที่เป็นความตั้งใจของคุณ Toyama ก็คือการเล่าเรื่องราวต่างๆ ของเมือง Hanuda ในหลายแง่มุม ซึ่งเดิมทีแล้วเขาเคยวางแผนที่จะให้ผู้เล่นได้ควบคุมตัวละครชาวบ้านในเมืองถึง 100 ตัวละครด้วยกัน แต่สุดท้ายคุณ Toyama ก็ได้ตัดทอนจนเหลือเพียงแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้นเพื่อให้เรื่องราวมันมีถูกผูกรวมกันได้ดียิ่งขึ้น และกลายมาเป็น 10 ตัวละครหลักในเกมภาคแรก “เราคิดว่าตัวละคร 10 ตัวมันสมดุลดีครับ มันทำให้เกมการเล่นมีความหลากหลาย รวมไปถึงด่านที่คุณจะได้เล่นเป็นเด็กสาวตัวน้อยๆ ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากวิ่งหนีและซ่อน เรายังได้ทำอะไรบางอย่างที่เกมปกติทั่วไปไม่สามารถทำได้ด้วยครับ เช่นการทิ้งพวกเขาไปจากเรื่องราวโดยสมบูรณ์ หรือไม่ก็ให้ตัวละครอื่นกลับมาใหม่อีกครั้งในฐานะตัวร้ายของเรื่อง ผมคิดว่ามันเป็นการเล่าเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจังหวะการเล่าของเกมได้เป็นอย่างมากและเป็นหนึ่งในความสำเร็จครั้งใหญ่ของพวกเราเลยทีเดียว”
ตัวละครใน Siren ส่วนมากแล้วคือผู้คนปกติที่ถูกโยนเข้าไปในสถานการณ์ที่พวกเขาไม่สามารถจินตนาการถึงได้ และมันยังเป็นสิ่งที่ Siren สามารถแสดงออกมาได้อย่างโดดเด่นในยุคสมัยที่มันออกวางจำหน่าย ด้วยเหล่านักแสดงที่มาร่วมรับบทเป็นตัวละครในเกม ซึ่งตัวเกมได้ใช้ภาพถ่ายของนักแสดงมาประยุกต์เขากับโมเดลของตัวละครโดยตรง ซึ่งมันเป็นวิธีการที่เกมส่วนใหญ่มักไม่ค่อยเลือกใช้ แม้แรกเห็นมันจะเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินไปมันกลับกลายเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราสามารถเชื่อเรื่องราวอันไม่น่าเป็นไปได้ว่าบางทีมันอาจจะเป็นไปได้ก็เป็นได้
ระบบ Sight Jack
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือนของ Siren คือระบบ Sight Jack ที่ทำให้ผู้เล่นสามารถเห็นมุมของการมองเห็นผ่านดวงตาของ Shibito ที่อยู่ใกล้ตัวได้ มุมมองของ Shibito เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและมีความสั่นไหวจากการเคลื่อนไหวอันแปลกประหลาด และยังมาพร้อมกับเสียงลมหายใจ เสียงพร่ำเพ้อ และเสียงกรีดร้อง ที่ทำให้เราได้สัมผัสประสบการณ์อันไม่พึงประสงค์ แต่มุมมองนี้ได้สร้างประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้เล่นเพื่อใช้ในการที่สอดส่องหาหนทางในการหลบซ่อน และหาเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด เพราะ Siren มีอาวุธให้ผู้เล่นใช้งานเพียงแค่หยิบมือเท่านั้นในการป้องกันตัว การหนีและการหลบซ่อนก็คือวิธีการที่ดีที่สุดในการดำเนินเรื่องราวผ่านแต่ละฉากของเกม และมันก็ยังเป็นประสบการณ์ที่เกม survial horror ใดๆ ไม่สามารถมอบให้ได้อีกด้วย
“จากหลายไอเดียที่ผมมี หนึ่งในนั้นคือการเริ่มต้นด้วยการต่อสู้แบบเรือดำน้ำ ที่พึ่งพาการทำงานของโซนาร์ครับ เราเลยแทนที่โซนาร์ด้วยบางสิ่งบางที่ที่สามารถจับต้องได้ครับ มันถูกใส่เข้ามาในเกมการเล่นตั้งแต่แรกเริ่ม และมันยังทำให้ผู้เล่นได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่น่าหวาดหวั่นที่กำลังคืบคลานโดยที่พวกเขาไม่ได้เห็นมันอย่างชัดเจนอีกด้วย เราคิดว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่เข้ากับความสยองขวัญดี เราก็เลยนำมันมาใช้ใน Siren และยังได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของคำสาปที่ถูกส่งต่อกันจากผู้คนในหมู่บ้าน มันทำงานได้ดีมากครับและยังเพิ่มความลึกให้กับเรื่องราวของเกมด้วย”
อย่างไรก็ดีระบบ Sight Jack กลับทำให้ทีมงานประสบปัญหาทางเทคนิคอย่างมากเนื่องด้วยเทคโนโลยีอันจำกัดในยุคนั้น “เราเจอกับปัญหาทางด้านเทคนิคของระบบครับ เพื่อที่จะให้ระบบ Sight Jack มันมีความแน่นอน เราได้มีการติดตามการเคลื่อนที่ของ Shibito ทุกตัวและมีการคงไว้ซึ่งเอฟเฟกต์ของสภาพแวดล้อมในเมมโมรี แม้กระทั่งตอนที่พวกมันอยู่ในฉากหลังและมองไม่เห็น ข้อจำกัดนี้ทำให้เราเจอปัญหาใหญ่สำหรับเทคโนโลยีสมัยนั้นมากๆ แต่ผมก็โชคดีมากครับที่ทีมงานยังเป็นคนหนุ่มที่มีทัศนคติที่ดีในการที่จะก้าวเข้าหาสิ่งใหม่ๆ ซึ่งมันช่วยสร้างโมเมนตัมให้กับเราได้มากเลยครับ ในการพิจารณาปัญหาและค่อยๆ แก้มันทีละส่วน”
จาก Battle Royale ไปจนถึง Lovecraft
Siren เป็นเกมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหลายสิ่งอย่างตั้งแต่นิยาย Battle Royale ของ Koushun Takami และนิยายชุด Shiki ของ Fuyumi Ono รวมไปถึงงานภาพมังงะของ Junji Ito, Daijiro Morohoshi และ Ryoko Yamagishi ไปจนถึงภาพถ่ายของ Paul F. McCarthy ที่ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบตัว Shibito แต่แกนหลักที่เป็นเชื้อไฟของโปรเจกต์ได้กำเนิดขึ้นมาก็คือ ภาพยนตร์ที่ชื่อว่า “Insumasu o ouu Kage” ภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ที่ออกฉายในปี 1992 โดยมันเป็นผลงานที่เกิดจากการดัดแปลงจากนิยายที่ชื่อว่า “The Shadow over Innsmouth” ของ H.P. Lovecraft นั่นเอง
นอกจากนี้คุณ Toyama ยังได้รับแรงบันดาลใจจากลุ่ม “Hidden Christians” กลุ่มผู้นับถือศาสนาคริสต์แบบลับๆ และแปลกๆ ที่เคยอาศัยอยู่ในเขตคิวชูของประเทศญี่ปุ่น และยังได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ Tsuyama Massacre เหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่ที่เคยเกิดขึ้นในปี 1938 ที่เกิดขึ้นด้วยฝีมือของเด็กหนุ่มวัย 21 ปีที่ได้เข่นฆ่าผู้คนกว่าครึ่งหมู่บ้านอย่างไร้ปรานีด้วยขวาน, ปืนลูกซอง และดาบคาตานะ
นอกจากเรื่องราวและระบบของเกมที่สร้างเอกลักษณ์ให้กับเกม Siren แล้วเพลงประกอบก็เป็นอีกหนึ่งในจุดเด่นที่สร้างความหวาดผวาให้กับผู้เล่นได้ตลอดเวลา จากผลงานของคุณ Hitomi Shimizu นักคีย์บอร์ดและผู้แต่งเพลงชื่อดังที่เคยทำงานให้กับหนังคนแสดงและภาพยนตร์แอนิเมชันมากมาย และเธอยังเคยเป็นส่วนหนึ่งของวงดนตรีคู่ดูโออย่าง Syzygys อีกด้วย ซึ่งเธอได้มาร่วมงานในการประพันธ์เพลงให้กับ Siren และ Siren: Blood Curse เกม Siren ฉบับสร้างใหม่ที่เคยออกวางจำหน่ายในปี 2008 ซึ่งงานเสียงประกอบมีความเป็น “soundscape” มากกว่าที่จะเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า “soundtrack” มันประกอบขึ้นจากเสียงบทสวด เสียงคร่ำครวญจากต่างโลก เสียงลมที่ม้วนตัว เสียงรบกวนจากการส่งสัญญาณผ่านคลื่นวิทยุที่ไม่ปกติ ซึ่งมันได้ประกอบรวมกลายเป็นบรรยากาศอันน่าสะพรึงให้กับเกม Siren ได้อย่างน่าทึ่ง
เป็นเวลาเกือบสองทศวรรษแล้วที่เกม Siren ได้ออกวางจำหน่าย มันได้มีภาคต่อ ได้มีการสร้างภาครีเมก และยังได้มีการนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์คนแสดงและหนังสือการ์ตูน แต่สุดท้าย Siren ก็เหมือนจะถูกลืมเลือนหายไปจากหน้าฉากของวงการอุตสาหกรรมเกม จากเดิมที่เกมภาคแรกเคยตั้งตระหง่านในการเป็นหนึ่งในเกมสยองขวัญที่มีความโดดเด่นและออกห่างจากเกมในประเภทเดียวกันเป็นอย่างมาก โดยหลังจากเสร็จสิ้นจากการสร้าง Siren: Blood Curse คุณ Toyama ก็ได้เริ่มต้นในการสร้างเกมใหม่ที่แตกต่างไปจากสิ่งที่เขาเคยทำมาอีกครั้ง มันคือเกมที่เต็มไปด้วยเรื่องราวแฟนตาซี และเป็นเกมแอ็กชันผจญภัยไอเดียแปลกที่เล่นกลไกกับแรงดึงดูดที่ชื่อ Gravity Rush ที่ได้ออกมาแล้วถึงสองภาค แต่ใครเล่าจะรู้ด้วยการที่ Siren เองก็ยังมีผู้เล่นที่ต่างหลงรักมันมากมาย บางทีมันอาจจะได้กลับมาสักวันหนึ่งก็เป็นได้ใครเล่าจะรู้