Kingdoms of Amalur: Reckoning อดีตเกม RPG ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานแต่ไปไม่ถึงดวงดาวเตรียมกลับมาวางจำหน่ายอีกครั้งแล้วในเวอร์ชันรีมาสเตอร์ที่ชื่อว่า Kingdoms of Amalur: Re-Reckoning และยังมาพร้อมกับส่วนเสริมใหม่ของตัวเกมอีกด้วย
Kingdoms of Amalur: Re-Reckoning จะออกวางจำหน่ายให้กับทั้งบน PlayStation 4, Xbox One และ PC ในวันที่ 8 กันยายนนี้ โดยนอกจากที่เกมจะได้รับการปรับปรุงภาพกราฟิกใหม่ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้นแล้ว ทางทีมงานยังมีการปรับแต่งในส่วนของเกมการเล่นและยังมีการเพิ่มเติมเนื้อหาใหม่ๆ เข้าไปในเกมอีกด้วย
และในการกลับมาครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าทาง THQ Nordic จะยังต้องการให้มันเป็นเกมในแฟรนไชส์ใหม่ของพวกเขาอย่างเต็มตัวอีกด้วย ด้วยการเปิดตัวภาคเสริมใหม่ให้กับเกมในชื่อ Fatesworn แต่มันก็ยังไม่มีรายละเอียดของตัวภาคเสริมออกมาในตอนนี้ โดยคาดการณ์ว่ามันน่าจะออกมาให้เราได้เล่นกันในปี 2021 นั่นเอง
สำหรับ Kingdoms of Amalur: Reckoning นั้นมันเคยออกวางจำหน่ายในปี 2012 ให้กับเครื่องเกม PC, PlayStation 3 และ Xbox 360 โดยตัวเกมเคยได้รับความคาดหวังว่าจะเป็นเกมแนวแฟนตาซีสุดยิ่งใหญ่ด้วยการที่มันได้คนดังมาร่วมงานมากมายทั้ง อาร์. เอ. ซัลว่าตอเร่ (R.A. Salvatore) ผู้แต่งนิยายชุด Forgotten Realms, ทอดด์ แมคฟาร์เลน (Todd McFarlane) ผู้ให้กำเนิดการ์ตูนอย่าง Spawn และ เค็น โรลสตัน (Ken Rolston) ผู้ออกแบบเกม The Elder Scrolls IV: Oblivion มาเป็นหัวหอกหลักในการสร้างเกม
โดยเดิมทีแล้วตัวเกม Kingdoms of Amalur: Reckoning เคยมีแผนที่จะถูกสร้างเป็นเกม MMORPG มาก่อนในตอนที่มันยังเป็นโครงการในชื่อ Copernicus แต่ไอเดียดังกล่าวก็ได้ถูกพับไป หลังจากที่ทาง 38 Studios และ Big Huge Games ผู้พัฒนาต้องปิดตัวลง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เป็นทาง THQ ก็ได้เข้าซื้อกิจการของ Big Huge Games ต่อและได้เริ่มกลับมาสร้างเกมใหม่ RPG เกมใหม่โดยมี เค็น โรลสตัน เป็นหัวหอก และได้นำเอาองค์ประกอบของโปรเจกต์ Copernicus มาทำการปรับแต่งให้เป็นเกม RPG ในชื่อเกม Kingdoms of Amalur: Reckoning ที่อยู่ในจักรวาลเดียวกัน และได้วางแผนให้มันการปูทางไปสู่การมาของเกม MMORPG ที่จะเป็นภาคต่อของ Kingdoms of Amalur: Reckoning นั่นเอง
แต่สุดท้าย Big Huge Games และ 38 Studios ก็ต้องปิดตัวลงไปเนื่อจาก THQ ได้ล้มละลาย และก็ได้ทาง EA ที่เข้าทำหน้าที่ในการผลิตและจัดจำหน่ายตัวเกมแทน แต่สุดท้ายด้วยการล้มละลายของ THQ มันก็ทำให้สิทธิ์ของแฟรนไชส์ Kingdom of Amalur ถูกนำไปขายทอดตลาด จนกระทั่งในปี 2018 ทาง THQ Nordic ก็ได้ซื้อมันกลับมาอยู่ในมือของพวกเขาอีกครั้งพร้อมกับทรัพย์สินต่างๆ จากโครงการ Copernicus อีกด้วย