What you need to know
- Embracer Group เป็นบริษัทแม่ของ Coffee Stain Holding, Koch Media/Deep Silver, Saber Interactive, และ THQ Nordic
- ทำรายได้รวมไปทั้งสิ้น 1.09 พันล้านเหรียญกำไร 34.6 ล้านเหรียญ
- Valheim ทำยอดขายได้ 6.8 ล้านยูนิต
- ในปีนี้ทาง Embracer Group จะยังคงซื้อกิจการเพิ่มและมี บริษัท 20 แห่งที่กำลังเจรจาอยู่
- มีเกมกว่า 160 เกมที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาและสองในสามเป็นเกมแฟรนไชส์ใหม่
Embracer Group แถลงผลประกอบการประจำไตรมาสที่สี่และปีงบประมาณที่ผ่านมาออกมาแล้ว โดยในปีนี้พวกเขาได้ตั้งเป้าเข้าซื้อกิจการทีมพัฒนาเกมเข้ามาในสังกัดเพิ่มเติม และในตอนนี้ก็มี 20 บริษัทที่ได้อยู่ในระหว่างการเจรจาขั้นสุดท้ายแล้ว
สำหรับปีงบประมาณที่ผ่านมาที่สิ้นสุดลงในวันที่ 31 มีนาคมทาง Embracer Group ทำรายได้สุทธิอยู่ที่ 1.09 พันล้านเหรียญโดยมีกำไรสุทธิไม่ถึงสองเปอร์เซ็นต์โดยอยู่ที่ตัวเลขราว 34.6 ล้านเหรียญ
โดยในช่วงไตรมาสสี่ที่ผ่านมา Valheim ผลงานเกมของทาง Iron Gate Studio จากทาง Coffee Stain ที่ออกวางจำหน่ายในรูปแบบ Early Access ช่วยให้ทาง Embracer Group ทำรายได้เพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างมากด้วยยอดขายรวมทั้งหมด 6.8 ล้านก๊อบปี้ โดยในไตรมาสที่ผ่านมาพวกเขามียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ตัวเลขราว 289 ล้านเหรียญ และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 19.1 ล้านเหรียญ
นอกจาก Valheim แล้วผลงานเกมอื่นๆ ที่ช่วยให้ Embracer Group ทำรายได้ไปได้เป็นอย่างมากก็ได้แก่เกม SpongeBob Squarepants: Battle for Bikiki Bottom Re-Hydrated ที่ทำยอดขายไปได้ราว 2 ล้านยูนิต, SnowRunner ที่ทำยอดขายไปได้ 2 ล้านยูนิต และ Destroy All Humans ที่ทำยอดขายไปได้ 1 ล้านยูนิต
โดยทาง Embracer Group ได้เข้าซื้อกิจการมาอยู่ในสังกัดกว่า 25 บริษัทนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาพวกเขาก็ได้มีการระดมทุนเพิ่มเป็นจำนวนกว่า 890 ล้านเหรียญซึ่งทำให้ในตอนนี้มีบริษัทกว่า 150 แห่งที่สนใจเข้ามาร่วมกิจการ และในตอนนี้ก็มีบริษัทกว่า 20 แห่งที่อยู่ในช่วงสุดท้ายของการเจรจาแล้ว รวมไปถึงมีบริษัทอีกหลายเจ้าที่ได้มีการปิดดีลไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
และในปีงบประมาณนี้ทาง Embracer Group ได้มีการเปิดเผยออกมาว่าพวกเขามีโปรเจกต์เกมกว่า 160 เกมที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา โดยที่สองในสามจะเป็นเกมแฟรนไชส์ใหม่หรือแฟรนไชส์เกมที่ไม่มีการออกวางจำหน่ายมาเป็นเวลา 5 ปีเป็นอย่างต่ำ
และในรายงานผลประกอบการของบริษัททาง Embracer Group ยังได้ออกมาแสดงแนวทางการวางจำหน่ายเกมในปีนี้อีกด้วย โดยในปีงบประมาณที่ผ่านมาทาง Embracer Group ได้จ่ายค่าธรรมเนียมในการวางจำหน่ายเดิมให้กับเจ้าของแพลตฟอร์มต่างๆ สำหรับการวางจำหน่ายเกมในรูปแบบดิจิทัลอย่างต่ำเป็นสองเท่าของต้นทุนที่ใช้จริงในการพัฒนาเกม ซึ่งในปีนี้พวกเขาก็จะยังคงเดินหน้าในการค้นหาวิธีการที่จะลดต้นทุนในส่วนนี้ และทำให้การลงทุนในการพัฒนาเกมมีความสัมพันธ์กันมากขึ้น
โดย Koch Media บริษัทในสังกัดของ Embracer Group จะมีการนำเกมของ Deep Silver, Flying Wild Hog, Milestone, Revenscourt และอื่น มาจัดแสดงให้ได้ชมกันในงานที่ชื่อ Koch Primetime ในวันที่ 12 มิถุนายน เวลาตีสองของบ้านเราอีกด้วย
