แด่เธอ นักรบแห่งแสงคนต่อไป 7 สิ่งที่ผู้เล่น FFXIV หน้าใหม่ควรรู้ก่อนเริ่มเล่น

ในช่วงโรคระบาดที่หลายคนต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเช่นนี้ คงมีหลายท่านที่กำลังหากิจกรรมฆ่าเวลาทำในช่วงที่ว่างหรือหลังเลิกงาน สำหรับผู้ที่เล่นเกม หนึ่งในกิจกรรมที่ฆ่าเวลาได้ดีเยี่ยมเลยก็คงหนีไม่พ้นการเล่นเกมแนว Massively Multiplayer Online Role-Playing Game หรือที่เรียกติดปากกันก็คือเกมออนไลน์หรือ MMORPG ซึ่งผมเองก็เป็นคนที่ไม่ค่อยเล่นเกมแนวนี้เท่าไหร่นัก พอเริ่มสนใจในช่วงที่ว่างแบบนี้ ผมก็ลองหาเกมแนวนี้เล่นดู หาในเน็ตก็มีเยอะจนไม่รู้จะเริ่มเกมไหน เลยจบที่การถามคนใกล้ตัวที่เล่นเกมด้วยกัน คำตอบเดียวที่ผมได้มาก็คือ

“Final Fantasy XIV Online”

ผมเองก็เป็นคนที่มาเล่น Final Fantasy XIV (ต่อไปนี้จะเรียกว่า FFXIV) ในช่วงที่ผ่านมาไม่นาน และในตอนเล่นผมก็ได้พบสิ่งที่ผมคิดว่า “ถ้ารู้แต่แรกน่าจะดีกว่านี้นะ” ผมก็เลยอยากที่จะเอาความรู้บางส่วนมาแบ่งปันให้กับเหล่านักรบแห่งแสงคนใหม่ที่กำลังจะเข้ามากอบกู้โลก Eorzea ในอนาคต

*ก่อนอื่นอยากจะขอเตือนในการสร้างไอดีก่อนว่าให้สร้างไอดีในประเทศ US เพื่อความสะดวกในการซื้อตัวเกม ส่วนเสริมและการเติมเงินในอนาคต*

1. เล่น Free Trial ก่อนซื้อตัวเกมเต็ม

ลิงก์ลงทะเบียนไอดีฟรี https://freetrial.finalfantasyxiv.com/gb/

อันนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดที่ผมอยากจะแนะนำทุกคน เพราะตัวเกม FFXIV ที่จริงนั้นเป็นเกมแบบที่ต้องซื้อตัวเกม ส่วนเสริมและวันในการเล่น ซึ่งเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูงสำหรับผู้เล่นใหม่ที่อาจจะเล่นไม่ถึงช่วงที่รู้สึกว่าเกมสนุก โดยในตัวที่ให้เล่นฟรีของ FFXIV นั้นให้ผู้เล่นสามารถเล่นได้ถึงเลเวล 60 ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องจบถึง Expansion แรก “Heavensward” ซึ่งเป็นจุดที่ถ้าผู้เล่นส่วนใหญ่เล่นถึงแล้วก็คงมีโอกาสสูงที่จะอยู่ต่อ โดยตัวเกมจะไม่มีการล็อคคอนเทนท์เนื้อเรื่องใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ผู้เล่นฟรีสามารถที่จะเล่นทุกเควส ลงทุกดันเจี้ยน ลงทุก Raid ทั้งหมดของทั้งตัวเกมหลักและ Heavensward ได้ 

สิ่งที่ตัวเกมจะจำกัดนั้นจะเป็นทางฝั่งสังคมเสียมากกว่า เช่นผู้เล่นฟรีไม่สามารถสร้างปาร์ตี้เองได้ แต่รับคำชวนได้ ไม่สามารถใช้ฟังก์ชั่นแชทกระซิบ ตะโกนได้ ไม่สามารถเข้าร่วมหรือสร้าง Free Company (กิลด์) ได้ ไม่สามารถซื้อขายของใน Market Board ได้ ไม่สามารถแลกของกับผู้อื่่นได้เป็นต้น สิ่งที่เกมจำกัดที่เป็นฝั่งระบบเกมเลยก็คือเลเวลจะขึ้นได้ไม่เกิน 60, เล่นคอนเทนท์ได้ไม่เกิน Heavensward และสามารถมีเงินเก็บในตัวได้แค่ 300,000 gil เท่านั้น

เรียกได้ว่าเป็นการให้เล่นฟรีที่ใจดีพอสมควร มีข้อจำกัดอยู่แต่ว่าไม่ถึงขั้นที่จะทำให้เกมเสียความสนุก อีกอย่างคือตัวเกม FFXIV Complete Edition ที่เป็นตัวเกมพร้อมชุด Expansion ถึงปัจจุบันพร้อมเวลาเกม 30 วัน นั้นมีการลดราคาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อผู้เล่นฟรีเล่นจนครบแล้วสามารถที่จะซื้อตัวเกม FFXIV Complete Edition ตามโซนไอดีตัวเองที่สมัครแล้วลงคอนเทนท์ของ Stormblood ต่อได้โดยที่ไม่มีข้อจำกัดของผู้เล่นฟรีอีกต่อไป

2. เลือก Data Center ที่เหมาะกับตัวเอง

ส่วนที่ก็เป็นส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากตัวเกมมีเซิฟเวอร์เยอะแยะมากมายในหลายประเทศ โดยผมให้ผู้อ่านที่อยู่ในประเทศไทยเล่นใน “Data Center Elemental, Gaia หรือ Mana” ซึ่งเป็นของประเทศญี่ปุ่น ถ้าผู้อ่านมีเพื่อนที่เล่นอยู่ในเซิฟเวอร์ใดเซิฟเวอร์หนึ่งอยู่แล้วก็สามารถสร้างตัวละครในเซิฟเวอร์เดียวกันตามได้ แต่บางเซิฟเวอร์เช่น Tonberry จะเป็นเซิฟเวอร์ที่เป็นที่นิยมมากและสร้างตัวได้ลำบาก แต่ไม่ต้องกลัวจะไม่ได้เล่นด้วยกัน เนื่องจากทางเกม FFXIV มีระบบ World Visit System ที่ให้ผู้เล่นสามารถที่จะข้ามเซิฟเวอร์เพื่อเล่นกับคนที่อยู่ใน Data Center เดียวกันได้ และในอนาคตเมื่อ Expansion Endwalker เข้าเกม จะมีระบบ Data Server Travel ที่สามารถให้ผู้เล่นข้าม Data Center ไปเล่นกับผู้เล่นที่อยู่ใน Data Center อื่นได้เลยอีกด้วย

เหตุผลที่ผมอยากให้ทุกท่านเลือก Data Center Elemental, Gaia หรือ Mana นั้นคือเป็นเซิฟเวอร์ที่มีคนเอเชียและคนไทยเล่นอยู่เยอะ ทำให้เวลาที่ผู้เล่นหาทีมลงดันเจี้ยนต่าง ๆ จะไม่มีปัญหาเรื่อง timezone รวมถึงมีปิงที่น้อยที่สุดในบรรดา Data Center ทั้งหมดนั่นเองครับ

3. ตัวเกม FFXIV 2.0 มีการเดินเรื่องที่ช้ามาก แต่ก็สนุกมากในช่วงหลังเช่นกัน

เป็นเรื่องปกติที่ตัวเกม MMO จะต้องมีการสร้างโลก สร้างเรื่องราวให้ผู้เล่นได้เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ของตัวเกมเพื่อให้ผู้เล่นได้อินกับตัวเกมอย่างเต็มที่ ผมเองก็เป็นหนึ่งคนที่เข้ามาในโลก FFXIV เพราะได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาจากคนรู้จักมากมายว่าเกมนี้เป็นหนึ่งใน MMORPG ที่มีเนื้อเรื่องที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่หลายคนไม่ค่อยได้พูดต่อจากประโยคนั้นก็คือ “เนื้อเรื่องดีตอนช่วงท้าย 2.0 (A Realm Reborn, ตัวเกมหลัก)” เสียมากกว่า

ผมไม่ได้มีความตั้งใจจะกล่าวหาว่า FFXIV ตัว 2.0 นั้นมีเนื้อเรื่องไม่ดีแต่อย่างใด ผมอยากจะบอกด้วยซ้ำว่าการเล่นเนื้อเรื่อง 2.0 นั้นสำคัญต่อการเล่นเนื้อเรื่องของตัวเสริมต่อไปมากถึงมากที่สุด เพราะเนื้อเรื่องโดยรวมตั้งแต่ Expansion Heavensward จนถึงตัวล่าสุดที่กำลังจะออกอย่าง Endwalker ต่างเป็นการเล่าเรื่องที่สานต่อจากการสร้างโลก เนื้อเรื่องหลักและตัวละครของ 2.0 ทั้งสิ้น

น่าเสียดายว่าการสร้างโลกของ FFXIV ส่วนใหญ่จะเป็นการที่ให้ผู้เล่นเดินไปรับเควส ไปหยิบของ/ฆ่าศัตรูตามกำหนด แล้วก็กลับมาที่คนรับเควสเดิมหรือที่ Waking Sand ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนไปวนมา บางเควสทำเป็นอุบายเพื่อให้เปิดแผนที่ใหม่ด้วยการให้ไปหาของ แล้วเมื่อส่งของ NPC บอกว่า “อ้าว ไม่ใช่อันนี้นะ ไปหาอีกอันที่เมือง xxx” ต่อแล้วกัน ซึ่งผมเข้าใจดีว่าเป็นการทำเพื่อขยายพื้นที่ให้ผู้เล่น แต่การบอกผู้เล่นว่าสิ่งที่เขาทำมาในเควสนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง มันทำให้ดูเป็นการทำเพื่อยืดเกมมากกว่าที่จะเป็นการทำให้เรื่องเดินหน้า ซึ่งก็อาจจะส่งผลในแง่ลบสำหรับผู้ที่เข้ามาเล่นเกมเพราะอยากเสพเนื้อเรื่องที่เขาว่ากันว่ายอดเยี่ยมพอสมควร ซึ่งปัญหานี้ก็ยังคงมีอยู่แม้ล่าสุดตัวเกมจะทำการแก้ไขเควสบางส่วนและตัดเควสที่ไม่สำคัญออกไปถึง 31 เควสก็ตาม (ประมาณ 13% ของเควส A Realm Reborn ทั้งหมด)

นอกจากนั้น กว่าที่ผู้เล่นจะได้รู้สึกว่าได้ลงดันเจี้ยนที่สนุก ลงตี Trial (ตีบอส) แบบสนุกได้ ก็ต้องถึงช่วงท้ายเกมแล้ว ต้นเกมผู้เล่นจะมีสกิลให้กดเล่นน้อย ทำให้สไตล์การเล่นค่อนข้างจำกัดและการต่อสู้ช้า กดปุ่มเดิมซ้ำไปซ้ำมา แล้วพอเข้าช่วงท้ายเกมเริ่มปลดล็อคสกิลให้เยอะขึ้น เล่นไปเล่นมาสกิลจะเยอะจนไม่รู้จะกดอะไรก่อนเลยแหละครับ 

แต่ว่าตามที่ผมได้กล่าวไปข้างต้น ถ้าผู้เล่นสามารถผ่านในช่วงกลางเกมมาได้และได้จบตัว 2.0 แล้วต่อที่ตัว 2.1 เป็นต้นไป ตัวเกมจะเริ่มเปิดกว้างอย่างสมบูรณ์และเนื้อเรื่องจะเดินหน้าอย่างไม่หยุดและต่อยาวไปจนจบ Expansion Heavensward ที่เป็นจุดที่ผมชอบเนื้อเรื่องในตัวนี้มาก เรียกได้ว่าเป็นรางวัลของการอดทนที่คุ้มค่าจริง ๆ ครับ

4. ถ้าจะเสพเนื้อเรื่องแบบจริงจัง ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษต้องดีในระดับหนึ่ง

อันนี้ผมอยากเตือนในมุมมองที่ว่าผมเองก็เป็นคนที่ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันเยอะ ผมรู้สึกว่าภาษาเขียนของเกม FFXIV บางจุดนั้นอ่านยาก ใช้คำศัพท์ที่ใหญ่หรือไม่ก็เป็นคำศัพท์ที่ไม่ค่อยได้เห็นทั่วไป เนื่องจากตัวเกมมีความเป็นแฟนตาซี ทำให้ภาษาที่ใช้สำหรับบางตัวละครนั้นแปลก มีเผ่าสัตว์ต่าง ๆ พูดไม่เหมือนคนปกติ หรือใช้คำพูดโบราณ โดยข้อสุดท้ายนั้นมีตัวอย่างชัดเจนคือตัวละคร Urianger ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญที่อ่านคำพูดแล้วแทบจะเหมือนนั่งอ่าน Shakespeare อ่านแล้วอาจต้องอ่านซ้ำอีกรอบหรือต้องเปิดพจนานุกรมเพื่อหาความหมายของศัพท์ที่เขาพูดกันเลย

ไม่ใช่ว่ามันเป็นจุดที่ไม่ดี การเขียนแบบนี้สร้างตัวละครให้แก่ NPC ตัวต่าง ๆ ได้ดี ผู้เล่นจะสามารถดูออกได้เลยว่าตัวละครคนไหนมีนิสัยใจคอ ความคิดอย่างไรโดยอ่านบทพูดของตัวละครนั้น ผมชอบการสร้างตัวละครผ่านประโยคคำพูดแบบนี้มาก ต้องขอชื่นชมคุณ Michael-Christopher Koji Fox ที่เป็นหัวหน้าทีมแปลและทีมงานแปลของเกมนี้ว่าตีโจทย์การเขียนบทพูดตัวละครได้แตกมาก แต่ก็น่าเสียดายที่การสร้างตัวละครบางตัวต้องแลกมากับภาษาที่ค่อนข้างอ่านยากพอสมควร

อย่างไรก็ตาม ในสังคมของประเทศไทยก็มีผู้ที่มีการรวมสรุปเนื้อเรื่องให้กับผู้ที่อาจจะอ่านภาษาไม่คล่องเช่นกัน โดยผมอยากแนะนำที่โพสนี้ของเพจ Taepoppuri ที่ได้ทำการรวมเนื้อเรื่องของ 2.0 มาแปลไทยให้เข้าใจง่ายมาให้ทุกท่านได้อ่านครับ https://www.facebook.com/taepoppuri/posts/341581207325910

ส่วนเรื่องเสียงพากย์ ผมชอบเสียงญี่ปุ่นมากกว่าของภาษาอังกฤษนะ แต่อันนี้ก็เป็นความชอบส่วนตัวของผมเองนะ

5. เก็บเลเวลตามที่เควสหลักต้องการ ไม่จำเป็นต้องทำทุกไซด์เควสเพื่อฟาร์มให้เลเวลเกินเควสหลัก

อันนี้ผมเรียนรู้มาจากความผิดพลาดของตนเองเช่นกัน ผมเป็นคนที่บ้าทำไซด์เควสมาก เห็นบนจอเป็นไม่ได้ ทำจนเลเวลตัวเองเกินเลเวลเควสหลัก (ในเกมจะเรียกว่า Main Scenario Quest, MSQ) ไปประมาณ 5-6 เลเวลเลย ซึ่งจริง ๆ มันก็ควรจะเป็นสิ่งที่ดีนะ การที่เลเวลเกินมันคงทำให้เกมเล่นง่ายขึ้น แต่ถ้าในอีกจุดหนึ่ง เกมนี้มีระบบที่อิงกับเลเวลเควสเยอะ เช่นในแผนที่สำหรับเลเวล 30 ก็จะมีกิจกรรมของเลเวล 30 ให้ทำตามแมพเช่นการตี FATE (การสู้แบบกลุ่มบนแผนที่) ซึ่งถ้าเลเวลเกิน เกมจะบังคับให้ผู้เล่นกดปุ่มเพื่อลดเลเวลตัวเองก่อนที่จะเข้าตีได้ หมายความว่าสกิลที่ได้มา HP/MP ตัวละครที่ได้มาเกินจากเลเวลที่ FATE กำหนดจะหายไป เหลือแค่สกิลและจำนวน HP/MP สูงสุดที่เลเวลของ FATE กำหนดเท่านั้น ซึ่งมันทำให้เลเวลที่เกินมาไม่ช่วยอะไรเลย

โดยทุกท่านสามารถดูเลเวลของเควสหลักได้จากการกดที่ปุ่มตรงลูกศรสีแดงแล้วลากเม้าส์มาวางบนไอคอนเควส หรือดูที่มุมซ้ายของช่องรับเควสก็ได้ครับ

อีกอย่างที่ผมอยากจะเตือนก็คือเนื่องจากเกมนี้ไม่มีการล็อคอาชีพแบบชัดเจน ผู้เล่นสามารถจะเปลี่ยนจากอาชีพที่เลือกตอนสร้างตัวละครไปรับอาชีพอะไรก็ได้เมื่อเข้าเกมแล้ว และยังสามารถเปลี่ยนอาชีพที่ใช้ได้ตลอดเวลา แต่เมื่อเปลี่ยนอาชีพเลเวลจะไม่โอนมาด้วย ทำให้ผู้เล่นต้องมาฟาร์มเลเวลใหม่อีกรอบ ซึ่งถ้าทำเควสหลัก เควสรองหมดแล้ว จะกลายเป็นว่าผู้เล่นต้องเก็บเลเวลผ่านการตี FATE และลงดันเจี้ยน เก็บ Leves/Hunt วนไปวนมาเป็นต้น แต่ถ้าผู้เล่นเลือกที่จะเก็บไซด์เควสบางอย่างไว้เมื่อเลเวลตามเนื้อเรื่องทัน เมื่อทำการเปลี่ยนอาชีพผู้เล่นก็จะสามารถทำไซด์เควสเหล่านั้นเพื่อเก็บ EXP ให้อาชีพอื่น ๆ เพื่อช่วยลดการฟาร์มได้ระดับหนึ่งครับ 

6. ศึกษาข้อมูลคลาสตัวเองก่อนเล่น

ข้อนี้เป็นจุดที่สำคัญครับ เนื่องจากเกม FFXIV อิงคลาสสูงมาก ในการจะลงดันเจี้ยน / Trial / Raid ทุกครั้ง เกมจะมีแบ่งคลาสตัวละครชัดเจน เช่นถ้าดันเจี้ยน 4 คนจะต้องมี Tank 1/ Healer 1 / DPS 2 เป็นต้น โดยแต่ละคลาสจะมีหน้าที่ของตัวเองชัดเจน Tank จะต้องเป็นคนดึงมอนสเตอร์มาให้ตีตัวเอง คอยลดดาเมจที่จะไปโดนคนอื่นและรักษาเลือดตัวเองโดยใช้สกิลกันดาเมจให้ได้มากที่สุด Healer ก็จะเป็นผู้ที่คอยรักษาเลือดของ Tank ให้ไม่ตาย คอยซัพพอร์ทสมาชิกคนอื่นเมื่อมีปัญหา ส่วน DPS ก็จะเป็นตัวดาเมจหลักของทีม คอยตีตัวละครต่าง ๆ ที่ Tank ลากมาหรือเมื่อเป็นบอส ก็คอยตีบอสจนกว่าจะมีมอนสเตอร์เสริมออกมา (ผู้เล่นจะเรียกว่า add) เมื่อ add ออกมาหรือมีระบบที่ต้องโจมตีหรือสิ่งอื่น ๆ ในด่าน ก็ต้องไปจัดการตรงนั้นให้เสร็จก่อนแล้วถึงจะมาตีบอสต่อ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับระบบของแต่ละดันเจี้ยน / Trial / Raid ไปครับ

ผมแนะนำให้คนที่เล่นใหม่ครั้งแรกมาสาย Tank/DPS ก่อนจะดีกว่า เพราะทาง Healer ผู้เล่นต้องรู้ระบบเกมหลายอย่างและต้องรักษาตัวเองให้ห้ามตายโดยเด็ดขาดเพื่อเก็บตัวเองไว้ชุบเพื่อนที่อาจจะตายหรือคอยฮีลเพื่อนในทีมเมื่อถึงจุดอันตราย ทำให้เป็นคลาสที่ผมคิดว่าเหมาะสมกับผู้ที่เล่นเกมมานานและรู้ระบบเกมเป็นอย่างดีแล้วครับ

ตัวผมเองก็เล่น Tank ผมก็จะพยายามลดหน้าที่ของ Healer โดยการดึงมอนสเตอร์มาให้มากที่สุด ใช้สกิลลดดาเมจที่ตัวเองโดนและใช้สกิลฮีลตัวเองเมื่อสามารถทำได้เพื่อลดภาระของ Healer และให้ DPS สามารถทุ่มกับการตีมอนสเตอร์สำคัญได้อย่างเต็มที่นั่นเองครับ

7. อย่าอายที่จะหาข้อมูลของดันเจี้ยน / Trial / Raid ก่อนลง

อันนี้ขึ้นอยู่กับสไตล์การเล่นเฉพาะตัวของแต่ละคน ถ้าผู้เล่นต้องการที่จะไปศึกษาระบบของดันเจี้ยน / Trial / Raid เมื่อเข้าไปเล่นนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีด้วยถ้าต้องการอินกับเกมให้เต็มที่ แต่เหตุผลที่ผมอยากให้หาข้อมูลก่อนก็คือตามที่ผมกล่าวไปด้านบน เนื่องจากเกมคาดหวังให้ผู้เล่นแต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ การที่ผู้เล่นรู้ว่าตำแหน่งของตัวเองต้องทำอะไรในจังหวะไหนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเกมจะไม่ได้มีการบอกสิ่งที่ผู้เล่นต้องทำอย่างชัดเจน ผู้เล่นใหม่อาจจะงงและทำตามระบบของดันเจี้ยน / Trial / Raid ไม่ถูก อีกวิธีที่ดีแต่ขึ้นอยู่กับคนเช่นกันก็คือการให้ผู้เล่นที่มีประสบการณ์เป็นผู้พาลง ถ้าอยากจะลงเองโดยที่ไปเรียนรู้เอาเองก็คงเป็นวิธีที่สนุกที่สุดในการเล่น การลองผิดลองถูกในเกมนี้เป็นสิ่งที่สนุกดีครับ 

แต่ถ้าเจอมหกรรม “วิ่งควาย” ของผู้เล่นที่รู้ระบบดีและเข้ามาเล่นเพื่อรับของรางวัลเท่านั้นก็อาจจะทำให้การลงครั้งนั้นสนุกน้อยลงได้เหมือนกัน เพราะคนเล่นใหม่อาจจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยเพราะคนเล่นคล่องทำระบบเหล่านั้นนำหน้าไปหมดแล้ว อันนี้ก็ต้องทำใจเพราะเป็นธรรมชาติของเกม MMO ที่เปิดมานานเช่น FFXIV แหละนะ…

หลัก ๆ ก็คงเป็นประมาณเช่นนี้ครับ สำหรับสิ่งที่สำคัญที่ผู้เล่น FFXIV หน้าเก่าหลายคนอาจจะไม่เคยพูดถึงเมื่อเชิญชวนผู้เล่นใหม่เข้ามาในเกม อีกอย่างที่ผมอยากจะเสริมท้ายก็คือ FFXIV จะมีการเก็บเลเวลจากเควสต่าง ๆ เป็นหลัก การตีมอนสเตอร์ตามฉากให้ EXP แบบเงินทอนมาก ๆ ฉะนั้นถ้าจะฟาร์มมอนสเตอร์ตามแมพ แนะนำให้วิ่งหา FATES หรือเก็บ Hunting Log ไปด้วยจะดีที่สุดครับ อย่าลืมเปิดแมพให้หมดด้วยนะ เพราะการเปิดแมพครบ 1 แมพจะได้ EXP มาเยอะเช่นกันครับ

สุดท้ายนี้ผมก็ขอให้ผู้เล่นใหม่ทุกท่านสนุกกับเกม Final Fantasy XIV Online อย่างเต็มที่ครับ อยากขอขอบคุณลุงไผ่บ้าเกมที่เป็นคนป้ายยาให้ผมมาเล่นจนติดงอมแงมและเป็นที่ปรึกษาให้กับบทความในครั้งนี้ด้วย ถ้าคิดว่าผมพลาดตรงไหนหรือควรแนะนำอะไรเพิ่มก็สามารถพิมพ์แนะนำได้ที่ช่องทางต่าง ๆ ของเว็บไซต์ Gamerism ได้เลย แล้วถ้าวันไหนเดินเล่นใน Tonberry แล้วเจอนักผจญภัยชื่อ Roze Valtameri ก็อย่าลืมมาทักทายกันบ้างนะ~!