Infinity Ward เปิดตัวโหมดการเล่นใหม่ของ Call of Duty: Modern Warfare ออกมาอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับโหมดการเล่น Battle Royale ที่จะใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Call of Duty: Warzone” ซึ่งจะมาพร้อมกับแผนที่ขนาดใหญ่ให้ผู้เล่นทั้ง 150 คนได้เข้ามาห่ำหั่น และมันยังเป็นโหมดการเล่นที่จะปล่อยให้เล่นในรูปแบบ free-to-play สำหรับทุกๆ คนอีกด้วย
สำหรับโหมดการเล่น Warzone จะปล่อยออกมาให้เราได้เล่นกันในวันที่ 10 มีนาคมเวลา 22.00 น. สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของตัวเกม Call of Duty: Modern Warfare ภาคล่าสุด และจะเปิดให้ทุกคนสามารถเข้าเล่นได้ในช่วงเวลา 02.00 น. ในวันที่ 11 มีนาคม โดยผู้ที่สนใจสามารถโหลดตัวเกมมาเล่นได้เลยทั้งบนแพล็ตฟอร์ม PlayStation 4, Xbox One และ PC (ผ่านทาง Battle.net)
โดยในเกม Call of Duty: Warzone นี้มันจะมาพร้อมกับสองโหมดการเล่นได้กันซึ่งได้แก่โหมดการเล่น Battle Royale และ Plunder นั่นเอง
ในส่วนของโหมด Battle Royale นั้นตัวเกมก็จะยังคงความเป็นโหมด Battle Royale เช่นเดียวกับเกมอื่นๆ โดยผู้เล่นจะต้องจับทีม 3 คนในการหาหนทางหนีจากวงก๊าซมรณะที่จะขยับวงแคบเข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับต่อสู้กับผู้เล่นอีก 147 คนที่เหลือ
และสำหรับในโหมด Plunder มันจะเป็นการเพิ่มรายละเอียดเข้ามาโดยผู้เล่นแต่ละทีมจะต้องทำการออกไปสะสมจำนวนเงินใหม่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยการค้นหาสิ่งของที่กระจายอยู่ตามฉาก, จัดการศัตรูหรือรับภารกิจ Contract และทำมันให้สำเร็จให้ได้นั่นเอง
ในส่วนของแผนที่ของ Call of Duty: Warzone มันจะเป็นแผนที่ในเมือง Verdansk ซึ่งจะเป็นเมืองขนาดใหญ่และมีจุดที่น่าสนใจให้ผู้เล่นได้จำจดกว่า 300 จุด โดยพื้นที่ในแต่ละโซนก็จะมีความแตกต่างทางภูมิทัศน์อย่างชัดเจน ซึ่งมันยังนำไปสู่การเลือกใช้กลยุทธ์ในการต่อสู้ที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย ซึ่งเกมยังมาพร้อมกับระบบยานพาหนะต่างๆ อีกถึง 5 แบบที่จะมาพร้อมกับขีดความสามารถที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นรถ ATV, Tactical Rover, SUV, Cargo Truck และ เฮลิคอปเตอร์
และนอกจากรูปแบบการเล่นธรรมดาทั่วไปแล้วในโหมด Warzone ยังได้มีการนำเอากลไกใหม่ๆ เข้ามาเสริมเพิ่มเติมอีกด้วยซึ่งได้แก่
The Gulag
The Gulag ที่จะเปิดใช้งานในโหมด Battle Royale โดยหากผู้เล่นถูกฆ่าเป็นคครั้งแรกจะได้รับสถานะ “Prisoner of Warzone” และจะถูกส่งตัวไปยังคุก Gulag ซึ่งผู้เล่นจะต้องรับบทเป็นนักโทษที่จะต้องรอนักโทษอีกคนเข้ามาต่อสู้ด้วย โดยในการต่อสู้นี้จะเป็นการต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1 โดยหากผู้เล่นฝ่ายใดชนะก็จะได้รางวัลพร้อมกับได้กลับไปยังแผนที่ Verdansk แต่หากผู้เล่นเป็นฝ่าแพ้ใน Gulag ผู้เล่นก็จะต้องรอสมาชิกในทีมให้ทำภารกิจ Contract และรวบรวมเงินมาใช้ในการปล่อยตัวให้ได้นั่นเอง
Contracts
Contract คือภารกิจที่ผู้เล่นสามารถเลือกทำได้ในแผนที่ของ Verdansk ซึ่งทีมของผู้เล่นจะสามารถเลือกทำภารกิจ Contract ได้ทีละภารกิจเท่านั้นซึ่งหากทำสำเร็จแล้วเกมก็จะใช้ไอเทมและเงินจำนวนหนึ่งเป็นรางวัล ซึ่งภารกิจ Contract นี้ก็มีหลากหลายรูปแบบเช่น Scavenger Contract ที่ผู้เล่นจะต้องออกไปตามหา Suppley Box ให้ได้ตามจำนวนที่กำหนด หรือ Recon Contract ที่ผู้เล่นจะต้องทำการยึดพื้นที่ในแผนที่ให้ได้คล้ายกับการยึดจุดในโหมด Domination นั่นเอง ซึ่งนอกจากของรางวัลที่เป็นไอเทมปกติแล้วการทำ Contract ยังจะมีรางวัลพิเศษมอบให้กับผู้เล่นอีกด้วย ตัวอย่างเช่นความสามารถในการมองเห็นขอบเขตของการขยับของก๊าซพิษในรอบหน้าเป็นต้น
Buy Stations
และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Call of Duty: Warzone แตกต่างไปจากเกม Battle Royale เกมอื่นๆ ก็คือผู้เล่นไม่จำเป็นจะต้องไปออกค้นหาไอเทมตามฉาก ซึ่งผู้เล่นสามารถใช้เงินที่ได้รับมาจากการทำ Contracts มาเลือกซื้อไอเทมต่างๆ ได้ที่ Buy Station ที่จะกระจายอยู่ตามแผนที่ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ทั้ง, Killstreak, Redeploy Token, Self-Revive Kits และอื่นๆ อีกมากมาย
สำหรับในโหมด Plunder นั้น Buy Stations จะมีความสำคัญอย่างมากเพราะมันจะมีไอเทมทั้งหมดที่ทำให้ผู้เล่นได้เปรียบคู่แข่งทีมอื่นๆ และมันก็ยังมาพร้อมกับไอเทมพิเศษอย่าง Cash Deposit Ballon อีกด้วยที่จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถนำเอาเงินไปฝากได้อย่างทันท่วงทีโดยที่ไม่ต้องเสียงกับการวิ่งไปจากจุดรับฝากเงินที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีนั่นเอง
Seamless Play
เช่นเดียวกับตัวเกมหลัก Call of Duty: Warzone ยังคงรองรับการเล่น crossplay ข้ามแพล็ตฟอร์ม ซึ่งการเล่นในโหมดนีผู้เล่นก็จะยังคงได้รับ progression ตามปกติเช่นเดียวกับการเล่นในโหมดอื่นๆ โดยผู้เล่นที่จะเป็นเจ้าขอตัวเกม Call of Duty: Modern Warfare ก็จะสามารถนำเอาไอเทมต่างๆ ที่เคยเล่นมาใช้ในโหมดการเล่นนี้ได้ และสำหรับผู้เล่นที่เป็นผู้เล่น free-to-play แล้วการเล่นในโหมด Warzone นี้ก็จะได้รับ progression ต่างสำหรับโหมดมัลเติเพลเยอร์และ Spec Ops ด้วยเช่นกัน
โดย Call of Duty: Warzone นั้นจะปล่อยให้ได้เล่นกันในวันที่ 10 มีนาคมนี้ โดยผู้ที่มี Call of Duty: Modern Warfare อยู่แล้วจะต้องทำการอัปเดตตัวเกมโดยจะมีการดาวน์โหลดเนื้อหาเพิ่มเติมอีกราว 18-22GB และสำหรับในส่วนของผู้เล่นใหม่นั้นจะต้องทำการดาวนโหลดตัวเกมทั้งหมดที่อาจใช้พื้นที่ถึง 83-101GB ด้วยกัน