Activision Blizzard แถลงผลประกอบการของไตรมาสแรกของปี 2021 ออกมาแล้ว โดยทางบริษัทมีรายได้รวมที่เพิ่มมากขึ้นมาถึง 2.28 พันล้านเหรียญ โดยมีเกม Call of Duty เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
Call of Duty ยังคงเป็นแฟรนไชส์เกมที่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและในปีที่ผ่านมามันก็ได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีกจากการที่มันผู้คนจำนวนมากหันมาเล่นวิดีโอเกมกันมากขึ้นเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเกมภาค Call of Duty: Warzone เกมแนว battle royale เป็นเรือธง และในเวอร์ชันแพลตฟอร์มมือถืออย่าง Call of Duty: Mobile
ทาง บ็อบบี โคติคก์ (Bobby Kotick) ซีอีโอของ Activision Blizzard ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทาง GamesBeat เอาไว้ว่า “ทุกๆ อย่างดีขึ้นแบบปีต่อปีเลยครับ Call of Duty ก็ดีขึ้น Candy Crush ก็ถือว่าดีขึ้น ทาง Blizzard เองก็ดีขึ้น ตลอดจนบอร์ดบริหารเองก็กำลังดำเนินการไปได้ด้วยดีอีกด้วย ซึ่งแนวทางของเราเริ่มมีความแข็งแรงแล้วกับการนำเสนอเกมแบบ Free-to-play ให้ผู้คนได้รู้จักกับแฟรนไชส์ของเรากันมากขึ้น”
จากการเติบโตของไตรมาสล่าสุด ก็ทำให้แฟรนไชส์ Call of Duty มีจำนวนผู้เล่นที่แอคทีฟต่อเดือน (MAUs) เพิ่มมากขึ้นกว่าช่วง 2-3 ปีก่อนหน้าถึง 3 เท่าอยู่ที่ตัวเลขราว 150 ล้าน (MAUs) ซึ่งมากขึ้นกว่าไตรมาสแรกของปี 2020 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว ซึ่งด้วยผู้เล่นจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นมันก็ยังส่งผลให้พวกเขาได้กำไรมากขึ้นจากการที่ผู้เล่นเข้าใช้จ่ายโดยการอัปเกรดตัวซีซันพาส และจากยอดการวางจำหน่ายของเกม Call of Duty: Black Ops – Cold War ที่ออกวางจำหน่ายไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
Activision Blizzard ได้มีการแถลงออกมาอีกด้วยพวกเขาได้ GAAP Revenues ในช่วงไตรมาสแรกที่สิ้นสุดลงในวันที่ 31 มีนาคม อยู่ที่ 2.28 พันล้านเหรียญเพิ่มขึ้น 27 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้าที่ 1.79 พันล้านเหรียญของปีทีแล้ว โดยมีส่วนแบ่งต่อหุ้น GAAP earnings per share ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 79 เซนต์ที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 65 เซนต์ และมูลค่าของหุ้น Activision Blizzard ยังเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.6 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 93.67 เหรียญต่อหุ้นอีกด้วย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่ทางนักวิเคราะห์ได้มีการประมาณการไว้ที่ส่วนแบบต่อหุ้น 70 เซนต์ และกำไรที่ 1.78 พันล้านเหรียญ ซึ่งตัวเลข non-GAAP ที่แท้จริงของส่วนแบ่งต่อหุ้นอยู่ที่ 98 เซนต์และมีผลกำไรที่ 2.06 พันล้านเหรียญ
Activision Blizzard มีจำนวนลูกจ้างอยู่ที่ 10,000 คนในสังกัดในตอนนี้และพวกเขาก็ยังมีแผนที่จะรับสมัครทีมงานเพิ่มอีกกว่า 2,000 อัตราและในปีนี้ทางทีมงาน Toys for Bob ผู้สร้างเกม Crash Bandicoot ภาคใหม่ยังจะได้มาร่วมพัฒนาเกม Call of Duty ภาคใหม่ที่จะออกวางจำหน่ายในปีนี้อีกด้วย โดยในปีที่ผ่านมาพวกเขาได้มีการปลดพนักงานออกไปราว 2 เปอร์เซ็นต์โดยที่ส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานที่รับผิดชอบในด้านงานโปรดักชันของทางฝั่งอีสปอร์ต
โดยในตอนนี้ Activision Blizzard (รวมไปถึง King) มีจำนวนผู้เล่นแอคทีฟต่อเดือนอยู่ที่ 435 ล้าน MAUs เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีจำนวนอยู่ที่ 397 ล้าน MAUs ซึ่งทาง บ็อบี โคติคก์ ยังได้แถลงกับเหล่านักลงทุนอีกด้วยว่าพวกเขามีเป้าหมายที่จะทำให้ตัวเลข MAUs อยู่ที่พันล้านรายให้ได้ จากการที่ Call of Duty มีจำนวนผู้เล่นเพิ่มมากขึ้นถึง 100 ล้าน MAUs จากปีที่ผ่านมา
Call of Duty ยังแรงต่อเนื่อง
สำหรับแฟรนไชส์เกม Call of Duty ทาง Activision Blizzard ได้แถลงถึงการเติบโตของแฟรนไชส์เอาไว้ทั้งในส่วนของเกม Call of Duty: Warzone และ Call of Duty: Mobile โดยในส่วนของเกม Call of Duty: Black Ops – Cold War ยังทำยอดขายเอาชนะเกมภาคก่อนหน้าอย่าง Modern Warfare ไปได้อีกด้วยจากการที่มันมีการผนวกคอนเทนต์เข้ากับเกม Call of Duty: Warzone ที่ทำให้ผู้เล่นพร้อมจ่ายเงิน 60 เหรียญในการซื้อเกมเพิ่ม
โดยเกม Call of Duty: Warzone มียอดการดาวน์โหลดทะลุ 100 ล้านดาวน์โหลดไปแล้ว และมีจำนวน MAUS ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 40 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว (โดยยอดรวมของแฟรนไชส์ Call of Duty ทั้งบน PC และคอนโซลมียอด MAUs อยู่ที่ 60 ล้านราย) หลังจากตัวเกมได้มีการปล่อยเนื้อหาเกมในซีซันที่สามออกมา และ Call of Duty: Mobile เองก็มียอดการดาวน์โหลดไปแล้ว 500 ล้านดาวน์โหลด และยังมีผู้เล่นกว่าหลักสิบล้านที่เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ของแฟรนไชส์อีกด้วยจากการที่ตัวเกมได้มีการเปิดให้บริการในประเทศจีนอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
โดยทาง Activision Blizzard ได้ยืนยันออกมาว่าทางทีมงาน Sledgehammer Games จะยังคงเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาเกม Call of Duty ภาคใหม่ ซึ่งตัวเกมจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
Blizzard ได้กำไรเล็กน้อย
สำหรับทางฝั่งของ Blizzard ในไตรมาสล่าสุดพวกเขามีรายได้ที่เพิ่มขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการวางจำหน่ายภาคเสริมของเกม World of Warcraft อย่าง Shadowlands ที่ทำให้ในตอนนี้ทาง Blizzard มีจำนวน MAUs กว่า 27 ล้านรายแล้ว
โดยเกมอย่าง Heartstone ยังได้มีการปล่อยส่วนเสริม Forged in the Barrens ไปเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมาและทางทีมงานก็กำลังพัฒนาโหมดการเล่นแบบ Mercenary อยู่ในตอนนี้ โดยในส่วนของเกม Diablo Immortal ก็กำลังอยู่ในเฟสที่สองของการทดสอบแล้ว โดยมีแผนที่จะปล่อยออกมาให้ได้เล่นกันในปีนี้ และในส่วนของเกม Diablo II: Resurrected เองก็ยังอยู่ในระหว่างการทดสอบและก็จะวางจำหน่ายออกมาให้ได้เล่นกันในปีนี้เช่นกัน ซึ่งทาง Activision Blizzard ยังได้เผยอีกด้วยว่าเกมมีจำนวนผู้ชม alpha test มากที่สุดเท่าที่ทาง Blizzard เคยมีการทำ alpha test มาก่อนอีกด้วย
อย่างไรก็ดีทาง Blizzard ก็ไม่ได้ออกมาแถลงถึงความคืบหน้าของเกม Overwatch 2 ที่จะออกวางจำหน่ายในปี 2022 แต่อย่างใดหลังจากที่ เจฟฟ์ แคปแลน หัวเรือใหญ่ผู้กำกับแฟรนไชส์ประกาศลาออก รวมไปถึง Diablo 4 อีกด้วยที่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าออกมา แต่ทางค่ายก็ยืนยันออกมาว่า World of Warcraft: Classic จะมีการอัปเกรดเพิ่มส่วนเสริมอย่าง Burning Crusade เข้าไปให้ผู้เล่นได้เล่นกันอย่างแน่นอน
King ยอดผู้เล่นตก
โดยในส่วน King พวกเขามีรายได้ที่เพิ่มขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ และมีจำนวน MAUs อยู่ที่ 258 ล้านรายที่ลดลงจากปีก่อนหน้าที่มีอยู่ 273 ล้านเหรียญ โดยรายได้หลักๆ ที่เพิ่มขึ้นของทางค่ายก็มาจากเกมอย่าง Crash Banditcoot: On the Run ที่เปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมาที่ทำยอดดาวน์โหลดรวมไปแล้ว 30 ล้านดาวน์โหลดในตอนนี้ ซึ่ง King นั้นยังมีการเติบโตในส่วนของรายได้จากการโฆษณาที่เพิ่มมากขึ้นถึง 70 เปอร์เซ็นต์จากทั้งการปล่อยโฆษณาของแบรนด์โดยตรงและการร่วมงานกับเครือข่ายพาร์ตเนอร์เจ้าอื่นๆ