Nintendo แถลงผลประกอบการประจำปีที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2022 โดยมียอดขายลดลง 3.6% มาอยู่ที่ 1.7 ล้านล้านเยน (13.1 พันล้านเหรียญ) โดยมีกำไรที่คงที่โดยลดลง 0.6% เท่านั้นมาอยู่ที่ 477.6 พันล้านเยน (3.7 พ้นล้านเหรียญ)
โดยวิดีโอเกมแพลตฟอร์มยังคงเป็นรายได้หลักของ Nintendo และยังคงเป็นเครื่องเกม Nintendo Switch ที่สร้างรายได้ให้กับบริษัทไปทั้งหมด 1.6 ล้านล้านเยน (12.3 พันล้านเหรียญ) ที่ลดลง 3.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจมือถือและ IP เองก็ลดลง 6.5% มาอยู่ที่ 53.5 พันล้านเยน (411.1 ล้านเหรียญ) แต่รายได้ในส่วนของธุรกิจการ์ดเกมกลับเพิ่มขึ้นถึง 55.9% แต่ก็ยังคงเป็นรายได้ที่เล็กน้อยเพียง 2.7 พันล้านเยน (20.7 ล้านเหรียญ) เท่านั้น
สำหรับในส่วนขอฮาร์ดแวร์ในปีงบประมาณที่ผ่านมาทาง Nintendo ทำยอดขายเครื่อง Nintendo Switch ไปได้อีก 23.06 ล้านยูนิตลงลง 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยทาง Nintendo ให้เหตุผลเอาไว่ายอดขายที่ลดลงเป็นผลมาจากการขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ในการผลิต และเป็นผลมาจากความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อปีงบประมาณก่อนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการมาของเกม Animal Crossing: New Horizons แต่อย่างไรก็ดียอดขายฮาร์ดแวร์ในปีงบประมาณที่ผ่านมาก็ยังคงเป็นยอดขายที่ดีที่สุดที่ Nintendo เคยทำมาโดยเป็นรองเพียงแค่ปีที่แล้วเท่านั้น
โดยในช่วงสิบสองเดือนที่ผ่านมาเครื่อง Nintendo Switch ร่วมธรรมดาทำยอดขายไปได้ 13.56 ล้านยูนิตลดลง 33.3% เช่นเดียวกับ Nintendo Switch Lite ที่ลดลง 56.5% มาอยู่ที่ 3.7 ล้านยูนิต ในขณะที่ Nintendo Switch OLED ที่วางจำหน่ายไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาทำยอดขายไปได้ 5.8 ล้านยูนิตแล้วในช่วง 6 เดือนแรกของการวางจำหน่าย
ซึ่งทำให้ในตอนนี้ตัวเครื่อง Nintendo Switch ทำยอดขายรวมทั้งหมดไปได้ 107.65 ล้านยูนิตแล้วแซงหน้า Wii ที่เคยเป็นเครื่องเกมโฮมคอนโซลที่ขายดีที่สุดของ Nintendo ไปแล้ว
โดยในส่วนของซอฟต์แวร์มียอดส่งออกไปวางจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1.8% มาอยู่ที่ 235.07 ล้านยูนิต แต่ทาง Nintendo ก็ให้ความเห็นว่ามันเป็นยอดขายที่สูงสุดแล้วในการวางจำหน่ายซอฟต์แวร์ผ่านเครื่องเกมเพียงรุ่นเดียว โดยมียอดขายดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 359.6 พันล้านเยน (2.8 พันล้าน) และกินส่วนแบ่ง 42.6% เมื่อเทียบกับยอดขายซอฟต์แวร์ทั้งหมด ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่มีตัวเลขอยู่ที่ 42.8%
สำหรับเกมที่ทำยอดขายได้สูงที่สุดในปีงบประมาณที่ผ่านมาได้แก่ Pokémon Brilliant Diamond และ Shining Pearl ที่ทำยอดส่งไปวางจำหน่ายได้ 14.65 ล้านยูนิตนับตั้งแต่วางจำหน่ายไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และยังขึ้นแท่นเป็นเกมที่ขายดีที่สุดในอันดับที่ 8 ของเครื่อง Nintendo Switch อีกด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมีเกมอีกสองเกมที่ทำยอดขายได้สูงในปีงบประมาณที่ผ่านมาได้แก่ Mario Party Superstars ที่ทำยอดส่งไปวางจำหน่ายได้ 6.88 ล้านยูนิตและ The Legend of Zelda: Skyward Sword HD ที่ทำยอดส่งไปวางจำหน่ายได้ 3.91 ล้านยูนิต
ในส่วนของเกมเก่าของ Nintendo ก็ยังทำรายยอดขายเรื่อยๆ ทั้ง Mario Kart 8 Deluxe ที่ส่งออกไปวางจำหน่ายเพิ่มได้อีก 9.94 ล้านยูนิตในปีที่ผ่านมา และทำให้ในตอนนี้ตัวเกมมียอดส่งไปวางจำหน่ายรวม 45.33 ล้านยูนิตแล้ว เช่นเดียวกับ Animal Crossing: New Horizons ที่ทำยอดส่งไปวางจำหน่ายเพิ่มได้อีก 6.01 ล้านยูนิต และมียอดรวมทั้งหมด 38.64 ล้านยูนิตแล้ว
โดยในปีที่ผ่านมา Nintendo Switch มีเกมถึง 39 เกมที่สามารถทำยอดขายได้ 1 ล้านยูนิตโดยแบ่งออกเป็นเกมจาก Nintendo ถึง 26 เกมและอีก 13 เกมจากค่าย 3rd party
ซึ่งทำให้ในตอนนี้ Nintendo สามารถส่งซอฟต์แวร์ออกไปวางจำหน่ายให้กับเครื่อง Nintendo Switch กว่า 822.18 ล้านยูนิตแล้ว และยังมีจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นถึง 102 ล้านรายอีกด้วย และเป็นครั้งแรกที่ Nintendo Switch มีจำนวนผู้ใช้งานแตะ 100 ล้านรายที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีผู้ใช้งานอยู่ที่ 87 ล้านราย
สำหรับในไตรมาสสุดท้ายที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมาก็ยังคงมีการเติบโตในรูปแบบเดียวกับไตรมาสก่อนๆ โดยมียอดขายฮาร์ดแวร์ที่ลดลง 13.1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วมาอยู่ที่ 4.11 ล้านยูนิต ซึ่งมียอดขายเครื่อง Nintendo Switch OLED ที่กินส่วนแบ่งไป 1.81 ล้านยูนิตและเครื่องรุ่นธรรมดาที่กินส่วนแบ่ง 1.77 ล้านยูนิต โดยมียอดการวางจำหน่ายซอฟต์แวร์ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.7% มาอยู่ที่ 55.7 ล้านยูนิต
โดยมียอดขายดิจิทัลที่ทำรายได้ไป 104.6 พันล้านเยน (803.1 ล้านเหรียญ) และมียอดผู้ที่ซื้อเกมแบบดาวน์โหลดที่กินส่วนแบ่งถึง 56.6% ของเกมที่วางจำหน่ายในรูปแบบแผ่นด้วย โดยที่เหลือก็เป็นในส่วนของเกมที่วางจำหน่ายแบบดาวน์โหลดเท่านั้น คอนเทนต์ add-on และบริการ Nintendo Switch Online
สำหรับในปีงบประมาณนี้ที่จะไปสิ้นสุดลงในวันที่ 31 มีนาคม 2023 ทาง Nintendo คาดว่าจะสามารถทำรายได้อยู่ที่ 1.6 ล้านล้านเยน (12.3 พันล้านเหรียญ) ที่ลดลง 5.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยทาง Nintendo ตั้งเป้าจะวางจำหน่ายเครื่อง Nintendo Switch ให้ได้อีก 21 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นการประมาณการตัวเลขยอดขายที่ลดลงต่อเนื่องสองปีติดแล้ว และในส่วนของกำไรเองก็มีการประมาณการเอาไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 340 พันล้านเยน (2.6 พันล้านเหรียญ) ที่ลดลงจากปีที่แล้วถึง 28.8% อีกด้วย
สำหรับเกมที่ออกวางจำหน่ายในปีงบประมาณนี้ก็ได้แก่ Nintendo Switch Sports, Mario Strikers: Battle League, Fire Emblem Warriors โดยสองเกมหลังจะวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายนนี้ ตามมาด้วย Xenoblade Chronicles 3 ในเดือนกรกฎาคม, Splatoon 3 ในเดือนกันยายน และ Pokémon Scarlet and Violet ในช่วงสิ้นปี และยังมีเกม Bayonetta 3 ที่คาดว่าจะได้ออกวางจำหน่ายภายในปีนี้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ดีทาง Nintendo เองก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับสภาวะการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และผลกระบทจากโควิด-19 ในอนาคที่อาจจะทำให้รายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์