Sony แถลงผลประกอบการประจำปีที่สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2022 ที่ผ่านมา โดยในส่วนของแผนกเกมสามารถทำรายได้ไปกว่า 2.7 ล้านล้านเยน (ราว 20.7 พันล้านเหรียญ) เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีกำไรอยู่ที่ 346 พันล้านเยน (ราว 2.6 พันล้านเหรียญ) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1.2% เมื่อเทียบกับปี 2020
โดยแบ่งเป็นส่วนของแผนกฮาร์ดแวร์ที่เติบโตสูงสุดในช่วงปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 840 พันล้านยาน (ราว 6.4 พันล้านเหรียญ) เพิ่มขึ้น 9.5% เมื่อเทียบปีต่อปี ตามมาด้วยในส่วของบริการเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น 6.8% มาอยู่ที่ 409 พันล้านเยน (ราว 3.1 พันล้านเหรียญ) ในขณะที่ในส่วนของแผนกซอฟต์แวร์ดิจิทัลและคอนเทนต์ add-on ต่างมีตัวเลขที่ลดลง 2% มาอยู่ที่ 1.42 ล้านล้านเยน (ราว 10.8 พันล้านเหรียญ)
ซึ่งทาง Sony ได้ให้สาเหตุที่ทำให้รายได้ในส่วนของแผนกเกมเพิ่มขึ้นเอาไว้ว่าเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของอัตราการแลกเปลี่ยนค่าเงินระหว่างประเทศ สอดคล้องกับยอดขายฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมาชดเชยยอดขายซอฟต์แวร์ที่ลดลงที่ส่วนใหญ่มาจากเกมที่ไม่ใช่ 1st party ของทางค่ายซึ่งรวมไปถึงคอนเทนต์ add-on ต่างๆ ด้วย
สำหรับในส่วนของกำไรจากการดำเนินงานที่คงที่มา 2 ปีติดทาง Sony ยังคงให้เหตุผลในเรื่องของกลยุทธ์การตั้งราคาขายของเครื่อง PlayStation 5 เช่นเดิมที่วางจำหน่ายในราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิต
โดยเครื่อง PlayStation 5 ได้ส่งออกไปวางจำหน่ายทั้งหมด 11.5 ล้านยูนิตในปีงบประมาณที่ผ่านมา ทำให้ในตอนนี้ตัวเครื่องมียอดส่งไปวางจำหน่ายรวม 19.3 ล้านยูนิตแล้ว โดยที่เครื่อง PlayStation 4 ยังสามารถส่งออกไปวางจำหน่ายได้อีกหนึ่งล้านยูนิต ลดจากที่เคยทำได้ 5.7 ล้านยูนิตในปีงบประมาณ 2020
สำหรับเกมค่าย 1st party ได้ส่งออกไปวางจำหน่ายทั้งหมด 43.9 ล้านยูนิตจากจำนวนรวมเกมทั้งหมดที่ 303.2 ล้านยูนิตทั้งบน PlayStation 4 และ PlayStation 5 ในช่วงปีที่ผ่านมา โดยมียอดการขายแบบดิจิทัลดาวน์โหลดที่เพิ่มขึ้นมากินส่วนแบ่ง 66% ของยอดขายทั้งหมดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่กินส่วนแบ่ง 65%
หากดูเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมารายได้ในส่วนของแผนกเกมก็ยังคงคงที่โดยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 1% เท่านั้น แต่กลับมีกำไรที่เพิ่มขึ้นถึง 175% มาอยู่ที่ 87.3 พันล้าน (ราว 670 ล้านเหรียญ)
สำหรับในปีงบประมาณนี้ทาง Sony หวังว่าตัวเลขยอดขายในส่วนของเกมและบริการจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในส่วนของยอดขายเกมจากค่ายที่ไม่ใช่ 1st party ที่เพิ่มมากขึ้น แต่ในส่วนของกำไรอาจจะลดลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในส่วนของการพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ ของค่ายเกมในสังกัด และค่าใช้จ่ายจากการซื้อกิจการ Bungie เข้ามาอยู่ในเครือด้วยมูลค่า 3.6 พันล้านเหรียญ
สำหรับในส่วนขององค์รวมของ Sony ทั้งบริษัทยังคงมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 26% มาอยู่ที่ 9.9 ล้านล้านเยน (759 พ้นล้านเหรียญ) โดยมีฝั่งของ Sony Pictures ที่เติบโตมากที่สุดถึง 64% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี