นับตั้งแต่ Call of Duty: Modern Warfare ออกวางจำหน่ายไปเมื่อปี 2019 เกม Call of Duty ในภาคต่อๆ มาก็ดูจะไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก โดยเฉพาะ Call of Duty: Vanguard ที่ทำให้ตัวเลขงบกำไรขาดทุนหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป (GAAP) ในไตรมาสล่าสุดของ Activision Blizzard ลดลงไปเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ทาง Activision Blizzard ได้มีการออกแถลงการณ์ผลประกอบการประจำไตรมาสแรกที่สิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคมออกมาอย่างเป็นทางการ โดยพวกเขาทำกำไรขาดทุนหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปอยู่ที่ 1.77 พันล้านเหรียญ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าไตรมาสแรกของปี 2021 ที่เคยทำได้ 2.28 พันล้านเหรียญเป็นอย่างมาก
โดยรายได้ทั้งหมดแบ่งออกเป็นในส่วนของตลาดดิจิทัลที่กินส่วนแบ่งไป 1.56 พันล้านเหรียญ และอีก 642 ล้านเหรียญที่มาจากการบริหารกระแสเงินสดที่น้อยกว่าไตรมาสแรกของปี 2021 ที่เคยทำได้ 844 ล้านเหรียญ
เช่นเดียวกันยอดรายได้สุทธิ (Net booking) แบบปีต่อปีของก็ลดลงจาก 2.07 พันล้านมาอยู่ที่ 1.48 พันล้านเช่นกัน และยอดรายได้สุทธิจากการขายสินค้าในเกมเองก็ลดลงจาก 1.34 พันล้านมาอยู่ที่ 1.01 พันล้านด้วย
ซึ่งเมื่อลงรายละเอียดไปที่เกมต่อเกมแล้วก็พบว่าเกม Call of Duty มีการขายที่ลดลงแบบปีต่อปีอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเกมในภาค Call of Duty: Vanguard และยังรวมไปถึงยอดเอนเกจเมนต์ของ Call of Duty: Warzone ที่ลดลงด้วย
สำหรับการกอบกู้สถานการณ์ในครั้งนี้ทาง Activision Blizzard ได้มองไปถึงการวางจำหน่ายเกมภาคต่อของ Call of Duty: Modern Warfare นั่นเองที่เป็นเกมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของแฟรนไชส์ และยังรวมไปถึงการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับ Call of Duty: Warzone อีกด้วยที่อาจจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดที่จะมาพร้อมกับเกม Modern Warfare นั่นเอง
ซึ่งทาง Activision ได้แถลงการณ์ยืนยันว่าพวกเขาได้มีการเร่งการพัฒนาและมีการเพิ่มทรัพยากร รวมไปถึงการเพิ่มขนาดของทีมงานในการสร้างเกม Call of Duty ภาคใหม่มาตั้งแต่ไตรมาสแรกที่ผ่านมาแล้วทั้งในส่วนของเกมบน PC และคอนโซล และในส่วนของ Warzone และแพลตฟอร์มมือถืออีกด้วย
โดยในส่วนของเกม Diablo IV และ Overwatch 2 ทาง Blizzard Entertainment ก็ยืนยันว่าตัวเกมกำลังดำเนินการพัฒนาไปได้ด้วยดี และก็เริ่มมีการทดสอบตัวเกมภายในบริษัทกันอย่างเป็นวงกว้างแล้วในตอนนี้ และในส่วนของการควบรวมกิจการกับทาง Microsoft ก็จะเสร็จสิ้นกระบวนการอย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นสุดปีงบประมาณของ Microsoft ในวันที่ 30 มิถุนายน 2023 นั่นเอง
