Sony แถลงผลประกอบการในไตรมาสที่ผ่านมา โดยมียอดขายในส่วนของแผนกวิดีโอเกมที่เพิ่มขึ้น 27 เปอร์เซ็นต์แบบปีต่อปีเป็นผลมาจากเครื่องเกม PlayStation 5 ที่ทำยอดส่งไปวางจำหน่ายได้ทะลุ 13 ล้านเครื่องแล้ว
โดยในไตรมาสที่ผ่านมาทาง Sony ทำยอดขายไปทั้งหมด 5.7 พันล้านดอลลาร์ในส่วนของแผนกเกม โดยมีรายได้จากการดำเนินงานที่ลดลง 21 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 727 ล้านดอลลาร์เครื่องเกม PlayStation 5 ที่วางจำหน่ายด้วยราคาเชิงกลยุทธ์ในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนในการผลิต และมีรายได้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 10.8 พันล้านดอลลาร์
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้รายได้ในแผนกวิดีโอเกมของ Sony ยังคงเติบโตก็เป็นเพราะเครื่องเกม PlayStation 5 และผลกระทบจากอัตราการแลกเปลี่ยนค่าเงินในตลาดต่างประเทศ รวมไปถึงยอดขายของเกม third-party ต่างๆ ด้วย แต่อย่างไรก็ดียอดขายเกมในส่วนของ first-party ก็ลดลงมาอยู่ที่ 7.6 ล้านก๊อบปี้จากที่เคยทำได้ 12.8 ล้านก๊อบปี้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้วที่มีเกม Ghost of Tsushima ออกวางจำหน่าย
โดยในส่วนของยอดขายทางด้านฮาร์ดแวร์ทาง Sony ทำตัวเลขอยู่ที่ 1.4 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นถึง 287 เปอร์เซ็นต์แบบปีต่อปีจากไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้วที่ทำรายได้ไปเพียง 361 ล้านดอลลาร์เท่านั้น โดยเป็นผลมาจากเครื่องเกม PlayStation 5 ที่ส่งออกไปวางจำหน่ายได้อีก 3.3 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ผ่านมา และมากกว่าไตรมาสแรกที่ส่งออกไปได้ 2.3 ล้านเครื่อง ซึ่งทำให้ในตอนนี้ตัวเครื่อง PlayStation 5 มียอดส่งออกไปวางจำหน่ายรวมทั้งหมด 13.4 ล้านเครื่องแล้ว
ในส่วนของซอฟต์แวร์เองก็มียอดขายที่เพิ่มขึ้น 3.5 เปอร์เซ็นต์แบบปีต่อปีโดยมีรายได้อยู่ที 3 พันล้านดอลลาร์ โดยมียอดขายแบบฟิสิคัลที่ลดลง 17 เปอร์เซ็นต์สวนทางกับเกมในรูปแบบดิจิทัลที่กินส่วนแบ่งไปกว่า 62 เปอร์เซ็นต์แล้ว และส่วนเสริม Add-on ต่างๆ ก็ทำรายได้ไปอีก 1.6 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 9.5 เปอร์เซ็นต์แบบปีต่อปี
โดยทาง Sony ยังคงประมาณการเอาไว้ตามเดิมว่าแผนกเกมจะทำรายได้อยู่ที่ 25.5 พันล้านดอลลาร์ภายในปีงบประมาณนี้ และมีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์
ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณที่ผ่านมาแผนเกมของ Sony มีรายได้เพิ่มขึ้น 13.3 เปอร์เซ็นต์แบบปีต่อปีอยู่ที่ตัวเลข 10.5 พันล้านดอลลาร์ และมีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 1.4 พันล้านดอลลาร์ลดลง 27 เปอร์เซ็นต์แบบปีต่อปี