แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยตัวเครื่อง เพลย์สเตชั่น 5 (PlayStation 5) ออกมาให้เราได้ชมกัน แต่ล่าสุดทาง Sony ก็ได้มีการเปิดตัวคอนโทรลเลอร์รุ่นใหม่สำหรับเครื่องเกมในเจอเนอเรชันหน้าของพวกเขาแล้ว ที่จะเป็นการก้าวกระโดดกว่าที่ผ่านมาด้วยรูปลักษณ์ที่แตกต่าง ซึ่งมาพร้อมกับชื่ออย่างเป็นทางการว่า “DualSense” ที่จะเป็นการยกระดับขีดความสัมผัสที่ในการสร้างประสบการณ์ในเกมเล่นเกมที่จะทำให้ผู้เล่นแทบลืมไปเลยว่ากำลังถือคอนโทรเลอร์อยู่ในมือ
สำหรับรายละเอียดต่างๆ ของ DualSense มันเป็นข้อมูลที่มีการเปิดเผยจากทาง ฮิเดอากิ นิชิโนะ (Hideaki Nishino) รองประธานฝ่ายวางแผนและบริหารจัดการแพลตฟอร์มของ โซนี่ (Sony) ที่ได้นำเอาภาพของตัวคอนโทรลเลอร์รุ่นใหม่นี้มาให้เราได้ชมกันบนเว็บไซต์ PlayStation.Blog ซึ่งมันมีความแตกต่างไปจาก DualShock 4 ของ เพลย์สเตชั่น 4 เป็นอย่างมาก ซึ่งทาง นิชิโนะนั้นได้มีการเน้นการนำเสนอในส่วนของประสบการณ์ในการเล่นที่จะให้ความรู้สึกที่ดำดิ่งมากกว่าที่ผ่านมา ด้วยฟีเจอร์การทำงานที่จะรองรับระบบ “Tempest 3D Audio” ระบบเสียงสามมิติรุ่นใหม่ของเครื่อง เพลย์สเตชั่น 5 และยังมีการเปลี่ยนปุ่ม “Share” ใหม่ให้ทำงานได้หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม
“หลังจากที่มีการพิจารณากันมาแล้ว เราจึงตัดสินใจที่จะเก็บเอาสิ่งที่ทำให้นักเล่นเกมยังคงหลังรักกับ DualShock 4 ไว้ในขณะเดียวกับที่เราก็จะมีการเพิ่มเติมฟังก์ชันการทำงานและปรับแต่งการออกแบบใหม่ ที่อ้างอิงมาจากการพูดคุยกับเหล่านักพัฒนาเกม ซึ่งทำให้เราได้ข้อสรุปว่าเราจะเน้นไปที่การสร้างความรู้สึกสัมผัสเข้าไปในส่วนของเกมการเล่นตัวอย่างเช่น ทางด้านเสียงที่เกมส่วนมากไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก”
นอกจากระบบเสียงแล้ว องค์ประกอบของ DualSense ที่จะทำให้ผู้เล่นได้รู้สึกดำดิ่งไปกับตัวเกมก็คือระบบสั่นแบบ “haptic feedback” ที่จะให้ความรู้สึกได้หลากหลายมากขึ้น ตัวอย่างเช่นในการเล่นเกมขับรถที่ผู้เล่นจะต้องขับรถลุยผ่านโคลน ตัวระบบสั่นแบบ haptic feedback ก็จะให้ความรู้สึกในการสั่นที่แตกต่างออกไปและมีความละเอียดมากขึ้น ซึ่งปุ่ม L2 และ R2 ยังมาพร้อมกับระบบ “adaptive trigger” ซึ่งมันจะทำให้ผู้เล่นได้รู้สึกถึงแรงตึงจากการกระทำต่างๆ ในเกมได้อย่างสมจริง ตัวอย่างเช่นการง้างคันธนูก่อนที่จะยิงออกไป
“ด้วยแนวคิดดังกล่าวทำให้เราต้องเจอกับความท้าทายที่น่าตื่นเต้นมากๆ ในเกมออกแบบตัวคอนโทรลเลอร์ใหม่ที่สร้างขึ้นโดยอิงจากคอนโทรลเลอร์ในยุคปัจจุบัน ในขณะที่เราได้มีการเพิ่มเติมฟีเจอร์ใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น adaptive trigger เข้าไป ซึ่งมันก็ทำให้เราต้องมาพิจารณากันว่าชิ้นส่วนเหล่านี้จะเข้ากับฮาร์ดแวร์ของเราได้อย่างไรโดยไม่ทำให้มันมีขนาดที่เทอะทะ
“ซึ่งทีมงานออกแบบของเราได้มีการร่วมทำงานกับทีมวิศวกรฮาร์ดแวร์อย่างใกล้ชิดในการหาจุดการติดตั้งตัว trigger และ actuators ได้อย่างเหมาะสม ด้วยการให้เหล่านักออกแบบร่างภาพภายนอกของคอนโทรเลอร์ออกมาว่ามันจะมีรูปแบบและให้ความรู้สึกอย่างไร และยังต้องเพิ่มความท้าทายในการทำให้มันให้ความรู้สึกมีขนาดเล็กกว่าที่มันควรจะเป็นอีกด้วย ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วเราก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงมุมของ trigger ให้มันรับเข้ากับ grip ได้อย่างละเมียดละไม และเรายังต้องคิดไปถึงเรื่องอายุงานของแบตเตอรี่ของ DualSense ที่สามารถนำมาชาร์จใหม่ได้ และยังทำให้น้ำหนักของมันเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้อีกด้วยแม้จะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามา”
ในส่วนของปุ่ม “Share” นั้นใน DualSense มันได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นปุ่ม “Create” ซึ่งทาง นิชิโนะยังไม่ได้ให้รายละเอียดออกมามากนักว่ามันจะมีการทำงานเพิ่มเติมจากเดิมอย่างไร แต่เข้าก็ได้อธิบายเอาไว้ว่ามันสร้างขึ้นมาจากความสำเร็จของปุ่ม Share ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นได้ค้นพบกับวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์จากเกมการเล่น ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดในช่วงที่ตัวเครื่องใกล้ออกวางจำหน่าย
DualSense ยังมาพร้อมกับไมโครโฟน built-in ในตัวที่ทำให้ผู้เล่นสามารถพูดคุยและสื่อสารได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องใช้เฮดเซ็ตแต่อย่างใด แต่ทาง นิชิโนะก็ได้แนะนำว่าหากผู้เล่นมีแผนที่จะเล่นเกมเป็นระยะเวลานาน การมีเฮดเซ็ตก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
สำหรับในส่วนของเรื่องสี เราจะเห็นได้ว่าตัวคอนโทรเลอร์รุ่นก่อนจะมีการออกแบบโดยอ้างอิงจากสีเดียวเป็นหลัก ซึ่งตัว DualSense จะมีความแตกต่างออกไป เพราะมันมีการใช้สีในรูปแบบของ two-tone นอกจากนี้มันยังได้มีการเปลี่ยนตำแหน่งของ light bar ที่เคยมีใน DualShock 4 มาอยู่ที่ด้านบนของคอนโทรเลอร์ข้าง touch pad ที่จะทำให้มันให้ความรู้สึกและสัมผัสที่กว้างขวางมากขึ้น
และกว่าที่ทาง Sony จะได้มาซึ่ง DualSense นี้ทางนิชิโนะ ได้เปิดเผยออกมาว่าพวกเขาได้มีการออกแบบและสร้างแบบจำลอง “ม็อกอัป”กว่าร้อยรูปแบบในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ซึ่งตัว DualSense นี้ได้มีการทดสอบจากนักเล่นเกมที่มีขนาดมือที่หลากหลาย เพื่อให้มันมั่นใจได้ว่าจะสามารถสร้างระดับความสะดวกสบายในการถือจับได้อย่างที่ทางทีมงานต้องการ และยังถูกต้องตามหลัก “การยศาสตร์” อีกด้วย
“เป้าหมายของเราสำหรับการสร้าง DualSense คือการทำให้เหล่านักเล่นเกมรู้สึกได้ราวกับตัวเองถูกส่งเข้าไปยังโลกของเกมทันทีที่เปิดกล่องออกมา เราต้องการให้เหล่านักเล่นเกมได้รู้สึกว่าคอนโทรลเลอร์คือการเติมเต็มสำหรับพวกเขาในตอนที่ได้เล่นมันจนราวกับว่าพวกเขาแทบจะลืมไปเลยว่ากำลังถือมันอยู่ในมือ”