Pathfinder: Kingmaker เป็นเกม RPG แบบบคลาสิคที่อาจอยู่นอกสายตาของใครหลายคนในตอนที่มันออกวางจำหน่ายเมื่อปีที่แล้ว แต่มันกลับกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่แฟนเกมที่ชื่นชอบระบบการเล่นเกมสวมบทบาทที่อิงกับระบบของเกมกระดาน แม้ตัวเกมจะมีปัญหาต่างๆ นานามากมายมาคอยกวนใจก็ตาม ซึ่งในตอนนี้ทาง Owlcat Games ทีมงานพัฒนาผู้สร้างเกมในภาคแรกก็กำลังสร้างภาคต่อของมันออกมาแล้วในชื่อว่า Pathfinder: Wrath of the Righteous ที่จะพาเราไปสำรวจความดีชั่วด้วยระบบคลาสที่มีความลึกยิ่งกว่าเดิม
ใน Pathfinder: Wrath of the Righteous จะมาพร้อมกับระบบใหม่ที่ชื่อว่า Mythic class ที่จะทำให้ผู้เล่นต้องมีการเลือกตัดสินใจในเชิงศิลธรรมเข้ามาเกี่ยวข้องที่นอกจากจะส่งผลต่อเนื้อเรื่องของเกมแล้วมันยังส่งผลกับคลาสของตัวละครอีกด้วย โดยระบบ Mythic ที่ว่านี้จะมาทับซ้อนระบบอาชีพเดิมของตัวละครอีกที และทำให้ผู้สามารถเลือกที่จะเล่นเป็น “จอมเวทย์เทพยดา” หรือจะเป็น “จ้าวอสูรนักทำนาย” ก็ได้ ซึ่งมันจะยังส่งผลต่อไปยังวิธีการที่ตัวละคร NPC ปฎิบัติต่อตัวผู้เล่น เพราะการเลือกเส้นทางการเป็นจ้าวอสูรนั้นมันจะทำให้ตัวละครของผู้เล่นมีเขางอกออกมาจนทำให้ผู้คนหวั่นเกรง
ตัวอย่างของอาชีพ์ที่มีการเคลือบชั้นด้วยระบบ Mythic ก็ได้แก่หากผู้เล่นเลือกเล่นอาชีพจอมเวทย์ผู้เล่นจะสามารถเลือกเส้นทางให้ตัวเองสามารถกลายเป็น Liche ได้ซึ่งเป็นอาชีพที่มีพลังเวทย์ที่รุนแรงมากที่สุดในโลกของ Pathfinder แต่เพื่อเป็นการได้มาซึ่งพลังที่ว่าผู้เล่นจำเป็นที่จะต้องเข้าสู่สภาวะของการเป็นอมรณา (Undead) ที่ไร้ชีวิตไปส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ทางทีมงาน Owlcat ยังได้ยกตัวอย่างของอาชีพ Mythic ที่น่าสนใจที่อาจจะมีสไตล์คล้ายกับตัวละคร Judge Dredd ให้เราได้เห็นภาพ โดยตัวละครที่ว่านี้จะกำราบทุกความกังฉินที่เกิดขึ้นบนโลกที่เขาพบเจอ และพวกเขายังสามารถมองลึกเข้าไปยังจิตวิญญาณเพื่อค้นหาความผิดบาปที่แอบซ่อนในจิตใจเพื่อกำราบมันได้อีกด้วย
และนอกจากนี้มันก็ยังมีอาชีพ Mythic ในสไตล์ Trickster ที่มาพร้อมกับความสามารถในการทำลายกำแพงที่สี่ออกมาสร้างความหรรษาให้กับผู้เล่น ตัวอย่างเช่นหากผู้เล่นทอยค่า Critical ผิดพลาดเจ้าตัว Trickster ก็สามารถแอบมาพลิกหน้าเต๋าเพื่อให้เราโจมตีออก Critical ได้เป็นต้น
ในเกม Pathfinder: Kingmaker สิ่งที่เป็นจุดเด่นของตัวเกมนอกจากระบบการเกมการเล่นแบบ RPG ก็คือเกมมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถบริหารจัดการอาณาจักรของเราได้ และมันก็จะได้ถูกยกเครื่องใหม่ทั้งหมดในเกมภาคนี้เพื่อให้เข้ากับฉากหลังใหม่ของเกมที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับเนื้อหาในภาคแรก ซึ่งทำให้ใน Pathfinder: Wrath of the Righteous ผู้เล่นจะได้บริหารจัดการในส่วนของ “กองทัพ”อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อป้องกันการรุกรานของเหล่าอสูร โดยผู้เล่นสามารถแต่งตั้งแม่ทัพคู่ใจหรือสายลับที่ไว้ใจได้มาประจำกองทัพได้ ผู้เล่นจะต้องคอยดูและกองทัพ, เกณฑ์ไพร่พล, เคลื่อนทัพไปยังจุดยุทธศาสตร์ตามสถานที่ต่างๆ ของแผนที่ และผู้เล่นยังสามารถพากองกำลังสำรองที่มีไปออกสำรวจยังพื้นที่ใหม่ๆ ที่ยังไม่ถูกค้นพบได้อีกด้วย
นอกจากนี้ใน Pathfinder: Wrath of the Righteous เกมยังมาพร้อมกับระบบการต่อสู้ในรูปแบบ turn-based ที่แฟนๆ เกมภาคแรกเรียกร้องเป็นอย่างมาก จากที่เกมในภาคแรกตัวเกมมีระบบการต่อสู้แบบ real-time ที่ผู้เล่นจะต้องหยุดเกมการต่อสู้แทบจะตลอดเวลาเพื่อทำการวางแผน ซึ่งการมาของรูปแบบการเล่นผลัดตาเดินนี้จะทำให้ผู้เล่นสามารถวางกลยุทธ์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับผู้เล่นยังชื่นชอบสไตล์การเล่นแบบเดิมก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบทั้งสองได้ตลอดเวลา
Pathfinder: Wrath of the Righteous กำลังเปิดให้ร่วมระดมทุนในการสร้างผ่านเว็บไซต์ Kickstarter อยู่ในตอนนี้ และมันก็ได้รับเงินสนับสนุนเกิดเป้าหมายที่ทีมงานได้ตั้งเอาไว้ และยังทำได้ตามเป้าหมายเพิ่มเติมอีกหลายขั้นซึ่งทำให้เกมจะมาพร้อมระบบการต่อสู้แบบ horse-mounted, ตัวละคร companion ที่มากขึ้น, เผ่าพันธ์ใหม่, และตัวละคร companion ที่เป็นสัตว์ยังสามารถวิวัฒนาการตัวเองได้อีกด้วย
ตัวเกมในภาค Wrath of the Righteous จะเป็นภาคต่อที่ไม่ได้มีเนื้อหาเชื่อมโยงกับเกมภาคแรกโดยตรง ซึ่งในภาคนี้มันจะเน้นหนักที่เรื่องราวการรุกรานของเหล่าอสูรในโลกของเกมกระดาน Pathfinder นั่นเอง โดยทีมงาน Owlcat Games ได้วางแผนที่จะออกวางจำหน่ายเกมในเดือนมิถุนายน 2021