Quantum Break คือผลงานที่ออกวางจำหน่ายล่าสุดของทางทีมพัฒนา Remedy Entertainment ที่เป็นการนำเอาทฤษฎีเวลาที่มีอยู่จริงมาอ้างอิงเป็นธีมหลักของเกม ที่นอกจากมันจะมาพร้อมกับเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์อันสุดล้ำแล้ว มันยังมาพร้อมกับหนึ่งเป้าหมายนั่นคือการผนวกรวมของสื่อบันเทิงสองชนิดเข้าไว้ด้วยกัน กับการนำเสนอการเล่าเรื่องแบบวิดีโอเกมและหนังภาพยนตร์ซีรีส์ที่ฉายทางโทรทัศน์
แต่ Quantum Break ก็อาจเรียกได้ว่าเป็นเกมที่ไม่ประสบความสำเร็จหากเทียบกับเกมอย่าง Max Payne และ Alan Wake ที่เป็นการสร้างตำนานให้กับทีมพัฒนา Remedy Entertainment ซึ่งพวกเขาเองก็รู้ดีถึงข้อผิดพลาด และด้วย Control เกมใหม่ของพวกเขามันก็จะเป็นโอกาสที่จะทำให้เหล่าแฟนกลับมาเชื่อมันในผลงานของพวกเขาอีกครั้ง ที่ในครั้งนี้พวกเขาได้มาพร้อมกับแนวคิดและโครงเรื่องที่พิสดารพันลึกมากกว่าที่เคยทำมา
ใน Control ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Jesse Faden หญิงสาวผู้ที่ได้ร่วมเป็นสักขีพยานของการเกิดรอยร้าวของความเป็นจริง เธอคือหัวหน้าของ “ทบวงแห่งการควบคุม” (Bureau of Control) องค์กรลับที่ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์สืบสาวเรื่องราวของสิ่งที่ยังไม่มีองค์ความรู้ที่อาจเป็นภัยได้อย่างไม่คาดคิด
แต่สุดท้ายแล้ว Bureau of Control ก็ได้ถูกมวลของสสารเข้าครอบงำ (ที่อาจจะเป็นได้ทั้งก๊าซ, การแผ่รังสี, หรือพลังงานจากต่างมิติ) มันคือพลังเหนือธรรมชาติที่เข้าครอบงำเหล่าเจ้าหน้าที่ในทบวงแห่งการควบคุมให้ทำเรื่องที่เลวร้าย และสสารที่ว่านั้นได้ถูกขนานนามว่า “The Hiss”
“ในโลกนี้มีองค์ประกอบของธาตุที่เรายังไม่เข้าใจมัน และนั่นคือสิ่งที่ทบวงกำลังทำอยู่ พวกเขาพยายามที่จะทำความเข้าใจกับมัน” คุณ Mikael “Mixu” Kasurinen ผู้กำกับของ Control ได้อธิบายถึงเรื่องราวของเกมนี้ให้กับทีมงานของเว็บไซต์ VG247 ได้ฟัง “บางครั้งพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ และบางครั้งมันก็ทำให้พวกเขาสับสน เพราะสิ่งที่พวกเขาค้นพบนั้นมันไม่มีรูปแบบและตรรกะที่แน่ชัด มันเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเราในการสร้างความเหนือความคาดหมายบนโลกที่ไม่มีความแน่นอน ซึ่งเป็นแก่นหลักของเกมที่เราสัญญาไว้จะให้กับผู้เล่น”
ด้วยการนี้จึงทำให้ Control สร้างแนวทางใหม่ของพวกเขาขึ้นมาด้วยการเรียกมันว่า “New Weird” และยังเป็นการนำเอาแรงบันดาลใจจากนวนิยายอย่าง Annihilation และ House of Leaves มาต่อยอดในเกมๆ นี้ด้วย
ผมเป็นแฟนของ House of Leaves และแน่นอนว่ามันเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจ
คุณ Kasurinen ได้อธิบายถึงจุดร่วมกันระหว่างเกม Control และนิยายของ Mark Z. Danielewski เอาไว้ว่า “สิ่งที่ยอดเยี่ยมในหนังสือเล่มนั้นก็คือมันมีการทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ และผู้คนต่างก็พยายามที่จะทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์อันแปลกประหลาด และพยายามที่จะหาคำมาอธิบาย”
เช่นเดียวกับเรื่องราวในเกม Control ในนิยาย House of Leaves ของ Mark Z. Danielewski ก็เป็นการเล่าเรื่องราวความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป ซึ่งเหล่าตัวละครในเรื่องต่างก็พยายามที่จะพิสูจน์เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมันก็คือสิ่งที่ Bureau of Control กำลังพยายามในการทำความเข้าใจกับ The Hiss พลังเหนือธรรมชาติที่มาจากต่างมิติที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์
โดยเรื่องราวของ Control จะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในศูนย์บัญชาการของ Bureau of Control ที่ถูกเรียกว่า “The Oldest House” ตึกระฟ้าที่ออกแบบโดยการใช้หลักสถาปัตยกรรมแบบ Brutalist ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง
และเช่นเดียวกับผู้เล่น Jesse Faden ตัวเอกของ Control ก็เพิ่งที่จะได้เห็นมันเป็นครั้งแรก หลังจากที่ผู้อำนวยการคนก่อนของ The Oldest House ได้ถูกสังหารและทำให้ที่แห่งนี้อยู่ในสถานะปิดกั้นการเข้าออกในทุกกรณี ซึ่งผู้เล่นในฐานะ Jesse ก็จะต้องหยิบเอาอาวุธและทุกสิ่งอย่างเพื่อหาทางหนีออกจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้
แม้สิ่งที่ทางทีมงาน Remedy ได้นำเสนอมานั้นจะทำให้มันยากในการทำความเข้าใจ และดูไม่เป็นเหตุเป็นผลเมื่อผู้เล่นได้สัมผัส แต่เกมก็จะมีการเล่าเรื่องไปอย่างช้าๆ เพื่อให้ผู้เล่นเข้าใจตรรกะที่ถูกบิดผันในเรื่องไปพร้อมกับการต่อสู้เพื่อหาทางออก
เมื่อเราพูดถึงการเล่าเรื่อง เราก็ต้องการที่จะสร้างประสบการณ์ในการมีส่วนร่วม ด้วยการมาของตัวละครที่มีความน่าเชื่อถือ แต่มันยังต้องคงเป็นเรื่องราวในแบบที่เราต้องการที่จะเล่า
คุณ Kasurinen ยังได้อธิบายต่ออีกด้วยว่า “เกมของเราทั้งหมด เริ่มต้นตั้งแต่การวางรากฐานของตัวละครที่อยู่บนโลกของเรา จากนั้นในตอนที่เราพูดคุยเกี่ยวกับ The Oldest House มันก็ไม่ได้มาจากมุมมองของการออกแบบที่ไม่เป็นมิตรเพียงอย่างเดียว แต่มันยังต้องให้ความรู้สึกอย่างเช่น การทำให้มันมีความน่าตื่นเต้นและมีความไม่แน่นอนไปพร้อมๆ กัน คุณจะได้เห็นสิ่งที่คุณไม่จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจไปกับมัน แต่คุณก็จะถูกมันดึงดูดเข้าหาด้วยตัวของมันเอง”
ในเกมการเล่นที่ทาง Remedy ได้แสดงให้ชมนั้น Jesse จะต้องใช้ตรรกะที่ดูไม่เป็นเหตุเป็นผลในการหาทางออกจากทางตัน ที่ตรงหน้าของเธอคือกำแพงที่ว่างเปล่าที่มีเพียงสวิตช์ไฟติดตั้งอยู่เท่านั้น และหลังจากที่เปิด-ปิดสวิตช์ไฟอยู่หลายทีในที่สุดประตูทางไปต่อก็โผล่ขึ้นมาในที่ที่มันไม่เคยอยู่
“มันทำให้คุณจะต้องเรียนรู้ว่าทุกสิ่งอย่างมีการทำงานอย่างไร แต่มันก็สำคัญกับเรามากในการเพิ่มรายละเอียดต่างๆ ทับซ้อนขึ้นไปเรื่อยๆ คุณจะได้เห็นบางสิ่งที่ในตอนแรกมันก็เหมือนจะเป็นเพียงแค่สิ่งของธรรมดาเท่านั้น แต่เมื่อคุณเริ่มแกะเกาพื้นผิวของมันคุณก็จะได้เห็นอะไรมากขึ้น คุณจะได้สืบเสาะอะไรบางอย่าง และบางอย่างที่ว่านั้นก็จะเป็นสิ่งที่คุณไม่คาดคิด มันจะให้มุมมองที่แตกต่าง ซึ่งเราต้องการให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความซับซ้อน และต้องมีสิ่งต่างๆ ที่ไม่เหมือนเดิมอย่างที่มันเคยเป็น”
หนึ่งในภารกิจรองของเกมนั้น เราจะได้พบกับเจ้าหน้าที่ของทบวงที่ติดอยู่ในห้องทดลองพร้อมกับตู้เย็น ซึ่งเขาจะบอกว่าเขาไม่สามารถปิดตาลงได้เพราะมันจะเกิด “การเบี่ยงเบน” ขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าการสังเกตเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน Control ได้ และมันก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นว่าจะรอดูชะตากรรมของชายคนนี้และตู้เย็นของเขาเป็นไปอย่างไรต่อ หรือจะดำเนินเรื่องราวหลักโดยไม่สนใจชายคนนี้ก็ได้เช่นกัน
“เราต้องการให้มันเกิดแรงกระตุ้น” คุณ Kasurinen อธิบายเกี่ยวกับภารกิจรองในเกมให้เราได้ทราบ “ด้วยตู้เย็นเป็นตัวอย่าง คุณจะได้เรียนรู้บางสิ่งที่เป็นได้มากกว่าในโลกแห่งนี้ และยังมาจากมุมมองทางด้านอารมณ์อีกด้วย ผมไม่อยากที่จะเปิดเผยอะไรออกไปมากนักว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายอย่างไร และมันจะเหนือความคาดหมายได้มากขนาดไหน”
“เราต้องการให้มันเกิดแรงกระตุ้น” คุณ Kasurinen อธิบายเกี่ยวกับภารกิจรองในเกมให้เราได้ทราบ “ด้วยตู้เย็นเป็นตัวอย่าง คุณจะได้เรียนรู้บางสิ่งที่เป็นได้มากกว่าในโลกแห่งนี้ และยังมาจากมุมมองทางด้านอารมณ์อีกด้วย ผมไม่อยากที่จะเปิดเผยอะไรออกไปมากนักว่าสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายอย่างไร และมันจะเหนือความคาดหมายได้มากขนาดไหน”
แต่ถึงการเล่าเรื่องและโลกของเกมจะมีความแปลกประหลาดที่น่าสนใจและเป็นจุดแข็งของทีมงาน Remedy มาโดยตลอด แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันใน Control ก็คือระบบการต่อสู้ที่มีความเป็นพลวัต และเป็นสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเองก็เชี่ยวชาญ ซึ่งใน Control ผู้เล่นจะมาพร้อมกับพลังเหนือธรรมชาติ และยังให้อิสระแก่ผู้เล่นในการบินไปยังสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้อย่างอิสระ รวมไปถึงอาจเป็นการหยิบจับเอาสะเก็ดต่างๆ ที่ล่องลอยมาสร้างเป็นที่กำบังได้อีกด้วย
ซึ่งอาวุธหลักของ Jesse ก็คือปืนพกที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ที่ชื่อว่า “Service Weapon” ที่มันสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เป็นอาวุธหลากหลายรูปแบบ ที่ใช้ได้ทั้งการจัดการกับศัตรู และยังใช้เพื่อทำลายล้างฉากต่างๆ ของเกมได้อีกด้วย
“ในเกมก่อนๆ ของเราผู้เล่นมักที่จะพยายามตรงดิ่งเข้าไปสู่โลกของเกมและพยายามจะเก็บสะสมคลังแสงและเอามันติดตัวไปให้ได้มากที่สุด ซึ่งมันก็ไม่เข้ากับโลกของเรา ทั้งยังไม่ค่อยจะถูกต้องนักอีกด้วย” คุณ Kasurinen อธิบาย “นั่นจึงทำให้เราเริ่มที่จะคิดเกี่ยวกับอาวุธที่เป็นเอกลักษณ์อย่างเช่นกระบี่แสงของ Jedi เจ้า Service Weapon มันจะเป็นอาวุธที่มาพร้อมพลังเหนือธรรมชาติ และมีเพียงผู้อำนวยการเท่านั้นที่ได้ครอบครอง มันได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของดาบที่ปักอยู่กับแท่งหินที่ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ดึงดาบออกมา เขาผู้นั้นจะกลายเป็นกษัตริย์คนต่อไปนั่นเอง”
“มันมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ มันสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงลักษณะรูปร่างได้หลากหลายจนไม่มีใครรู้ได้แน่ชัดว่าหน้าตาดั้งเดิมของมันเป็นอย่างไร ซึ่งหากจินตนาการย้อนหลังกลับไป 2,000 ปีมันก็อาจจะมีรูปร่างที่แตกต่างไปจากช่วงเวลานี้มากๆ มันเริ่มต้นจากการเป็นเพียงสิ่งหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเมื่อเราได้พบเจอกับทรัพยากรและองค์ประกอบ มันก็จะเป็นการปลดล็อกรูปแบบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะเต็มไปด้วยความน่าสนใจและน่าประหลาดใจ ที่เราต้องการที่จะยกระดับเจ้าอาวุธชิ้นนี้ให้กลายเป็นสิ่งที่พิเศษและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น”
เป็นเวลาร่วม 2 ปีนับจากการออกวางจำหน่าย Quantum Break ทีมงาน Remedy Entertainment มักจะใช้เวลาที่ยาวนานในการสร้างเรื่องราวและเกมการเล่นที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ซึ่ง ณ ตอนนี้ Control ก็ยังไม่มีกำหนดการออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อได้ว่าด้วยแนวคิดและวัฒนธรรมของทีมงาน มันจะมาพร้อมกับเรื่องราวอันสุดแปลกพิสดารที่อยู่เหนือซึ่งความเข้าใจของหลักตรรกะในโลกแห่งความจริงอย่างแน่นอน