Anthem คือผลงานใหม่ของ EA และ BioWare ที่จะเป็นเกมยิง ในรูปแบบที่หลายคนให้นิยามว่าเป็น “Looter Shooter” หรือเกมยิงเพื่อหาไอเทมมาสวมใส่เพื่อเพิ่มความสามารถให้กับตัวละครของผู้เล่นไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเกมที่เป็นแม่แบบของเกมแนวนี้อย่าง Destiny หรือ Tom Clancy’s The Division ที่จะมาพร้อมกับ ระบบการเล่นที่เน้นหนักไปที่รูปแบบ Co-op หรือการช่วยกันเล่นระหว่างผู้เล่นเป็นหลัก
แต่สิ่งที่ทำให้ Anthem นั้นมีความแตกต่างไปจากเกมทั้งสอง ก็อาจเป็นเพราะระบบคลาสในเกม ที่จะมีความลึกในระดับเดียวกับเกม RPG ก่อนๆ ของ BioWare
ใน Anthem ผู้เล่นจะได้รับบทหนึ่งในหน่วยรบ Freelancer นักรบผู้กล้า ที่มีหน้าที่ในการปกป้องมนุษยชาติ และยังเป็นเหล่าผู้สำรวจที่ต้องออกไปค้นหาต้นตอและที่มาของหายนะภายนอก Fort Tarsis ปราการแห่งสุดท้ายของมวลมนุษย์ ด้วยชุด Exosuits อันล้ำสมัยที่ชื่อว่า Javelins
แต่ Javelins ก็หาใช่สิ่งที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีอันก้าวล้ำของมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่มันคืออาวุธยุทโธปกรณ์ที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีวัตถุโบราณของชาว Shapers ที่เชื่อกันว่าเป็นพระเจ้าผู้สร้างโลกของ Anthem ดังนั้นการสร้าง Javelins นั้นจึงไม่สามารถสร้างได้ด้วยเทคโนโลยีทางอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว และยังไม่สามารถที่จะสร้างในรูปแบบการผลิตเป็นจำนวนมากได้
เพราะมันยังคงต้องพึ่งช่างฝีมืออย่างเหล่า Arcanists ผู้เชี่ยวชาญการใช้ศาสตร์ของเหล่า Shapers ในการทำให้ Javelins นั้นสามารถแสดงศักยภาพของเทคโนโลยีโบราณที่เหนือธรรมชาติ ให้สำแดงออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และนั่นจึงทำให้ Javelins ในเกมมีความแตกต่างกันออกไปโดยแยกไปตามคลาส เฉกเช่นเดียวกับเกมแนวสวมบทบาทหรือเกม RPG
และวันนี้เราก็จะมาทำความรู้จักกันว่าในแต่ละ Class ของ Anthem นั้นมีความแตกต่างอย่างไร และจะมีบทบาทสำคัญอย่างไรบ้าง ในเกมการเล่นที่ผู้เล่นในทีมจะต้องคอยช่วยเหลือกันตลอดเวลา
Ranger
คลาส Ranger คือคลาสเริ่มต้นของผู้เล่นทุกคนใน Anthem มันเป็นคลาสที่สามารถประยุกต์การใช้งานให้เข้ากับสถานการณ์ได้ในทุกๆ สถานการณ์ หรือที่เราอาจเรียกว่า Jack of all trades ซึ่งเมื่อผู้เล่นผ่านเกมไปสักระยะหนึ่ง ก็สามารถที่จะปรับเปลี่ยนคลาส Ranger นี้ไปเป็นคลาสอื่นๆ ได้ หรือจะยังคงใช้คลาส Ranger ต่อไปก็ได้เช่นกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคลาส Ranger นั้นจะไม่มีบทบาทที่สำคัญที่มากพอในช่วงหลังของเกมการเล่น เพราะอย่างไรก็ดี Ranger เองก็มีความสามารถต่างๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างไปจากคลาสอื่นๆ เพราะมันมีความสามารถรอบด้านในแบบที่คลาสอื่นๆ ไม่มี
Ranger เป็นคลาสที่สามารถถืออาวุธได้ทุกชนิดในเกมยกเว้นเพียงแค่อาวุธหนัก (Heavy Weapon) ที่จะเป็นอาวุธเฉพาะตัวของ Colossus เท่านั้น โดย Ranger นั้นจะมาพร้อมกับความสามารถในการโจมตีระยะประชิดด้วยการใช้กระบองไฟฟ้า (Shock Mace) ในการทำให้ศัตรูนั้นเกิดเอฟเฟกต์ของการช็อตไฟฟ้าตามชื่อของมัน
และ Ranger ก็ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์ติดตัวอย่าง ระเบิด (Grenade) ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายตามแต่ละชนิดของลูกระเบิดที่พวกเขามีไม่ว่าจะเป็น
- Frag Grenade: ระเบิดที่ใช้ในการทำความเสียหายในวงกว้างเป็นหลัก
- Inferno Grenade: ระเบิดที่ใช้ในการจุดไฟในพื้นที่ต่างๆ ทั้งยังสร้างความเสียหายให้ในรูปแบบของไฟที่จะลุกติดตัวศัตรู
- Frost Grenade: ระเบิดที่ใช้ในการแช่แข็งทั้งพื้นที่และศัตรู
- Seeker Grenades: ระเบิดแสวงเป้า ที่จะแบ่งออกเป็นลูกเล็กๆ และจะพุ่งเข้าหาศัตรูที่ใกล้ที่สุด
- Sticky Bomb: ระเบิดที่จะยึดติดเข้าหากับเป้าหมาย ที่สามารถทำความเสียหายให้แก่เป้าหมายได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับระเบิดชนิดอื่นๆ
และความสามารถอีกชนิดหนึ่งของ Ranger ก็คือชุดอุปกรณ์สำหรับจู่โจม (Assault Gear) มันคืออาวุธเครื่องยิงที่ติดตั้งอยู่ที่ข้อมือซึ่งมีความสามารถ และรูปแบบที่หลากหลายที่ใช้การการจัดการศัตรูทั้ง
- Homing Missile: ขีปนาวุธแสวงเป้าที่จะค้นหาศัตรูที่ล็อกเป้าหมายไว้โดยอัตโนมัติที่มีแรงระเบิดไม่กระจายวงกว้าง
- Energy Pulse: ลำแสงของคลื่นพลังงานบริสุทธิ์ ที่ใช้ในการยิงเข้าไปกระแทกเป้าหมายเพียงเป้าหมายเดียวด้วยพลังสูงสุด
- Spark Beam: ลำแสงพลังงานที่สามารถสร้างความเสียหายได้อย่างต่อเนื่อง
- Venom Darts: ลูกดอกอาบยาพิษ ที่จะค้นหาเป้าหมายที่ถูกล็อกไว้โดยอัตโนมัติและสามารถทำความเสียหายประเภทกรดได้
- Blast Missile: ขีปนาวุธที่สามารถสร้างความเสียหายได้ในวงกว้าง
เช่นเดียวกับ Javelins คลาสอื่นๆ Ranger นั้นก็ยังมาพร้อมกับความสามารถในการสนับสนุนที่ผู้เล่นสามารถเลือกใช้งานได้ทั้ง
- Bulwark Point: โล่พลังงานทรงกลมที่ใช้ในการปัดป้องการโจมตีระยะไกลของศัตรู
- Muster Point: สร้างสนามพลังเพื่อเพิ่มพูนความสามารถในการสร้างความเสียหายของอาวุธ ให้กับตัวเองและเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ในรัศมี
และสุดท้ายกับความสามารถขั้นสุดยอด (Ultimate Ability) ที่ทำให้ผู้เล่นสามารถยิงขีปนาวุธได้แบบหลายเป้าหายพร้อมกัน (Multi-Target Missile) โดยเมื่อผู้เล่นใช้งาน Ranger ก็จะทำการล็อกเป้าศัตรูทั้งหมดในรัศมีและยิงจรวดขีปนาวุธแสวงเป้าเข้าใส่ศัตรูทุกตัวที่โดนล็อกเป้าทั้งหมดเพื่อทำลายมันให้สิ้นซาก
Colossus
Colossus คือชุดสูทตัวเขื่องที่จะมากระทืบและเหยียบย่ำเหล่าศัตรูตัวจ้อยในโลกของ Anthem ให้จมดิน มันคือชุดสูทที่เน้นหนักไปที่การป้องกัน ทั้งยังมีความสามารถในการต่อสู้ในการสร้างแรงระเบิดในระยะประชิด และยังเป็นป้อมปืนในการยิงต่อสู้จากระยะไกลได้อีกด้วย มันคือคลาสสำหรับผู้เล่นสายจอมพลังเช่นเดียวกับคลาสจำพวกหัวหมู่ทะลวงฟันในเกม RPG
Colossus จะเป็นเพียงคลาสเดียวที่สามารถถืออาวุธหนักในคลังแสงได้ แต่นั่นต้องแลกมากับการที่มันไม่สามารถใช้ปืนกลเล็กอัตโนมัติ (Submachine gun) และปืนพก (Pistol) ได้เป็นการแลกเปลี่ยน โดย Colossus นั้นจะมาพร้อมกับความสามารถระยะประชิดที่เรียกว่า “Heave Smash” มันคือความสามารถที่เป็นการกระโดดลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรง ที่จะเป็นการสร้างความเสียหายได้เป็นวงที่กว้าง ที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับการโจมตีระยะประชิดในคลาสอื่นๆ โดยหน้าที่ของ Heavy Smash นั้นก็คือการทำสร้างความเสียหายให้กับศัตรูจำนวนมาก อาจใช้เพื่อกำจัดศัตรูจำนวนมากในคราเดียว หรืออาจทำให้มันอ่อนแอเพื่อให้ผู้เล่นอื่นสังหารได้ง่ายก็ได้เช่นกัน
โดยอุปกรณ์ติดตัวของ Colossus นั้นคือเครื่องยิงสรรพาวุธ (Ordnance Launcher) ที่ติดตั้งอยู่ที่หัวไหล่ ที่สามารถสร้างความเสียหายได้อย่างรุนแรงแก่ศัตรู ขึ้นอยู่กับประเภทอาวุธที่ผู้เล่นเลือกในการติดตั้ง ที่มีทั้งรูปแบบสำหรับการโจมตีระยะใกล้และไกล
- High Explosive Mortar: ปืนครกที่สามารถยิงในแนววิถีโค้ง ที่ใช้ในการสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงในพื้นที่วงกว้าง
- Burst Mortar: ปืนครกที่จะกระสุนจะแยกกระจายออกไปเพื่อสร้างความเสียหายให้ได้วงกว้างมากที่สุด
- Firewall Mortar: ปืนครกที่ใช้ยิงในการสร้างกำแพงเพลิง และมันก็จะสร้างความเสียหายให้กับศัตรูได้อย่างมากหากมันพยายามที่จะทะลุผ่านกำแพงเพลิงนั้นมา
- Lightning Coil: เครื่องยิงไฟฟ้า ที่ใช้ในการยิงพลังงานไฟฟ้าเข้าใส่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าแบบสุ่ม และมันก็จะเข้าเป้ากับเป้าหมายที่มีสถานะที่เอื้อต่อการโดนพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก (เช่นหากมีผู้เล่นที่เล่นคลาส Ranger ใช้ Shock Maceโจมีตีศัตรูจนติดสถานะไฟฟ้าช็อต เมื่อผู้เล่นยิง Lightning Coil คลื่นไฟฟ้าก็จะพุ่งเข้าหาศัตรูตัวนั้นก่อนตัวอื่นๆ)
- Shock Coil: เป็นการปล่อยคลื่นไฟฟ้าออกจากตัวของ Colossus เพื่อทำความเสียหายให้กับศัตรูรอบๆ
และ Colossus นั้นก็มาพร้อมกับชุดอุปกรณ์จู่โจมหนัก (Heavy Assault Launcher) เช่นเดียวกับ Ranger มันคืออุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ที่บริเวณข้อมือที่มีความสามารถหลากหลายให้ผู้เล่นได้เลือกใช้ทั้ง
- Heavy Cannon: เครื่องยิงจรวดที่จะยิงเข้าสู่เป้าหมายที่เล็งไว้ตรงๆ
- Flame Thrower: เครื่องยิงไฟที่ใช้เผาไหม้ศัตรูให้มอดไหม้
- Flak Cannon: อาวุธที่ใช้ในการระดมยิงศัตรูในระยะใกล้
- Railgun: อาวุธสำหรับโจมตีเป้าหมายเพียงเป้าหมายเดียวด้วยพลังงานจลน์ที่มีความแม่นยำและความเร็วสูง
- Acid Spitter: เครื่องยิงอาวุธที่ใช้ในการระดมยิงอาวุธที่สร้างความเสียหายในรูปแบบกรดเข้าสู่ศัตรูในระยะใกล้
และความสามารถสนับสนุนของ Colossus ที่ผู้เล่นสามารถเลือกใช้งานก็จะเป็นความสามารถที่เน้นหนักไปที่การช่วยให้ผู้เล่นคนอื่นปลอดภัยทั้ง
- Taunt: ความสามารถในการยั่วยุศัตรูที่อยู่ในระยะให้หันเหการโจมตีมาที่ Colossus เป็นหลัก
- Deflector Pulse: ความสามารถในการสร้างคลื่นพลังเพิ่มพูนค่าพลังป้องกันให้กับผู้เล่นทั้งหมดที่อยู่ใกล้ๆ
และสุดท้ายกับความสามารถขั้นสุดยอดที่เรียกว่า Siege Cannon มันเป็นความสามารถที่ไม่เหมือนกับอุปกรณ์ชนิดใดๆ เลยที่ติดตั้งอยู่ในตัว Colossus มันสามารถทำการโจมตีได้ด้วยพลังทำลายล้างที่สูงและมีความแม่นยำอย่างมาก ด้วยการชี้เป้าหมายและสามารถสั่งทำการยิงได้ทันที เพื่อใช้ในการโจมตีใส่ศัตรูประเภทบอส หรือกลุ่มศัตรูที่อยู่ในพื้นที่แคบๆ เป็นหลัก
Storm
Storm คือ Javelins ที่มาพร้อมกับความสามารถในการโจมตีด้วยรูปแบบที่คล้ายคลึงกับการใช้เวทมนตร์ ที่เราอาจเรียกได้ว่ามันคือคลาส Wizard ในโลกของ Anthem ก็ว่าได้ โดย Stoem มาพร้อมกับพลังความสามารถในการโจมตีที่สูงมาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยพลังป้องกันที่ต่ำมากเป็นการแลกเปลี่ยน
ความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์ของ Storm ก็คือความสามารถในการลอยตัว (Hover) ที่จะทำให้ตัวของ Storm ลอยอยู่เหนือพื้นดินได้ตลอดเวลา และทำให้ Storm สามารถหลีกเลี่ยงอันตรายจากการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังเป็นความสามารถที่ทำให้เกิดความได้เปรียบสำหรับการออกไปหาข้อมูลในสนามรบอีกด้วย
ซึ่ง Storm นั้นก็จะสามารถถืออาวุธได้ทุกชนิดยกเว้นอาวุธหนักของ Colossus เช่นเดียวกับ Ranger โดย Storm จะมาพร้อมกับความสามารถที่ใช้ในการโจมตีระยะประชิดที่เรียกว่า Fiery Strike ที่จะเป็นความสามารถที่ทำให้ Storm สามารถหลบหนีจากการโจมตีในระยะประชิดออกไปได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการทำให้เหล่าศัตรูที่เข้ามาโจมตีกระเด็นถอยหลังออกไป โดยความสามารถที่เหลือของ Storm นั้นจะขึ้นอยู่กับผลึกที่ผู้เล่นเลือกติดตั้งเข้ากับแขนกลของ Storm ที่แบ่งออกเป็นสองชนิดหลักๆ
อย่างแรกเลยคือผลึก Blast Seals ที่จะมีความสามารถให้ผู้เล่นได้เลือกใช้ทั้ง
- Lightning Strike: การจู่โจมด้วยสายฟ้าแบบเลือกเป้าหมายและพื้น
- Ice Storm: สร้างคลื่นพลังเยือกแข็งที่จะทำความเสียหายให้กับพื้นที่โดยรอบ และเมื่อศัตรูเข้าสู่จุดเยือกแข็งยิ่งยวดมันก็จะระเบิดความเสียหายออกมา
- Flame Burst: สร้างแรงระเบิดแบบไฟอย่างรวดเร็วแบบเลือกเป้าหมายและพื้นที่
- Rime Blast: ยิงแท่งน้ำแข็งจำนวนมากเข้าสู่เป้าหมายในระยะใกล้ เพื่อสร้างความเสียหายพร้อมสถานะเยือกแข็ง
- Living Flame: ระเบิดพลังเพลิงที่จะค้นหาเป้าหมายที่อยู่ใกล้ๆ พร้อมสร้างความเสียหายในสถานะติดไฟ
โดยผลึกชนิดที่สองที่ผู้เล่นสามารถใช้งานได้นั้นก็คือ Focus Seals ที่จะมีความสามารถให้เลือกใช้ดังนี้
- Hoarfrost Shards: ยิงแท่งน้ำแข็งอย่างรวดเร็วเข้าใส่เป้าหมาย เพื่อทำให้มันติดสถานะเยือกแข็งอย่างช้าๆ
- Fireball: สร้างลูกบอลเพลิงที่สามารถใช้ยิงสร้างความเสียหายเล็กๆ ได้อย่างรวดเร็ว หรือจะรวบรวมพลังให้ลูกบอลเพลิงเพื่อที่จะทำให้มันสามารถสร้างแรงระเบิดขนาดใหญ่ก็ได้
- Ball Lightning: สร้างลูกบอลประจุไฟฟ้าที่จะเด้งไปตามพื้นผนังจนกว่ามันจะไปกระทบและสร้างความเสียหายในรูปแบบไฟฟ้าให้กับเป้าหมาย
- Glacial Beam: ยิงลำแสงแช่แข็งเข้าใส่เป้าหมายแบบตรงๆ อย่างต่อเนื่อง
- Arc Burst: ปลดปล่อยคลื่นพลังประจุไฟฟ้าที่จะพุ่งเข้าหาเป้าหมายที่อยู่ใกล้ด้วยพลังทำลายล้างสูง
และเช่นเดียวกับ Javelins คลาสอื่นๆ Storm ก็มาพร้อมกับความสามารถสนับสนุนให้ผู้เล่นได้เลือกใช้ในรูปแบบของ Support Seals ทั้ง
- Wind Wall: สร้างกำแพงลมเพื่อปัดป้องการโจมตีจากระยะไกลของศัตรู
- Nexus: สร้างคลื่นพลังงานที่ทำให้อัตราการ Cooldown ของเพื่อร่วมทีมที่อยู่ในรัศมีรวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยความสามารถขั้นสุดยอดของ Storm ก็คือ Eternal Storm ที่เมื่อผู้เล่นใช้ความสามารถนั้น Storm ก็จะทำการปลดปล่อยพลังงานธาตุต่างๆ ออกมา เรียงตามลำดับตั้งแต่การยิงน้ำแข็ง ยิงไฟฟ้า และเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิง ปิดท้ายด้วยการเรียกก้อนอุกกาบาตมาถล่มศัตรูที่อยู่ในบริเวณ
Interceptor
หัวใจหลักของ Interceptor คือการเคลื่อนที่ อย่างว่องไวและการก่อกวนศัตรูในระหว่างการต่อสู้ ด้วยรูปแบบการเล่นที่คล้ายคลึงกับอาชีพโจรในเกม RPG ทั่วไป และ Interceptor นั้นก็จะทำให้ผู้เล่นสามารถเคลื่อนไหวและจู่โจม ได้อย่างคล่องแคล่วที่สุดในบรรดาคลาสทั้ง 4 ของ Anthem
เช่นเดียวกับ Javelins ในคลาสอื่นๆ Interceptor นั้นก็สามารถใช้อาวุธได้ทุกชนิดยกเว้นอาวุธหนักของ Colossus โดยความสามารถในการจู่โจมระยะประชิดของ Interceptor ก็คือการใช้มีดสั้นคู่ และมันก็ทำให้การเล่นคลาส Interceptor นั้นไม่เหมือนกับคลาสอื่นๆ เลย เพราะหัวใจหลักของ Interceptor ก็คือการจู่โจมที่ทั้งรวดเร็วและหนักหน่วงด้วยการโจมตีในระยะประชิดเป็นหลัก
ไม่เหมือนกับ Javelins ในคลาสอื่นๆ ความสามารถของ Interceptor นั้นคือระบบการจู่โจม (Strike System) ที่ผู้เล่นสามารถเลือกใช้งานได้อย่างหลากหลายทั้ง
- Seeker Glaive: อาวุธขว้างอันแหลมคมที่จะพุ่งเข้าหาศัตรูที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยอัตโนมัติ
- Acid Bomb: ระเบิดขนาดเล็กที่สามารถกระจายความเสียหายในรูปแบบกรดให้กับศัตรูโดยรอบ
- Cryo Glaive: อาวุธขว้างที่จะพุ่งเข้าหาเป้าหมายที่ผู้เล่นได้ล็อกเป้าเอาไว้และสร้างความเสียหายแบบเยือกแข็งให้กับศัตรูที่สัมผัส
- Cluster Mine: อาวุธขว้างในรูปแบบกับระเบิดที่จะระเบิดสร้างความเสียหายหากมีอะไรมาสัมผัส
- Spark Dash: ความสามารถในการฉีกหลบอย่างรวดเร็ว (Dash) ที่เมื่อใช้ความสามารถนี้ Interceptor ก็จะปล่อยประจุไฟฟ้าออกมาเพื่อสร้างความเสียหายตามทางที่หลบหลีกด้วย
โดยระบบจู่โจมที่สองที่ผู้เล่นเลือกใช้งานได้ก็จะมีดังนี้
- Star Strike: สร้างคลื่นพลังด้วยการพุ่งเข้าใส่ศัตรูที่จะระเบิดออกหลังจากปล่อยทิ้งไว้สักพักหนึ่ง โดยแรงระเบิดจะเพิ่มมากขึ้นหากเป้าหมายที่โดนคลื่นพลังนี้ถูกทำลายก่อนก่อนที่มันจะระเบิดออกมาตามปกติ
- Plasma Star: ขว้างดาวกระจายที่เต็มไปด้วยพลังงานพลาสมาเข้าใส่เป้าหมายเดียวในระยะไกล
- Nova Strike: ปล่อยภาพลวงของ Interceptor ออกไปที่จะเข้าไปโจมตีศัตรูที่เข้ามาสัมผัส
- Tempest Strike: ปลดปล่อยการโจมตีด้วยพลังทำลายล้างสูง เพื่อทำให้ศัตรูเล็กๆ ติดสถานะมึนงง
- Corrosive Spray: สเปรย์ม่านกรด ที่จะสร้างความเสียหายในรูปแบบกรดเข้าใส่ศัตรูในระยะใกล้
และแน่นอนว่า Interceptor เองก็ต้องมาพร้อมกับความสามารถสนับสนุน ซึ่งความสามารถในการสนับสนุนของ Interceptor นั้นก็จะแตกต่างไปจากคลาสอื่นๆ ทั้ง
- Target Beacon: ทำการมาร์กเป้าหมาย โดยเป้าหมายที่โดนมาร์กนั้นจะทำให้ผู้เล่นทั้งหมดสามารถสร้างความเสียหายจากการโจมตีทุกรูปแบบได้มากเป็นพิเศษ โดยการมาร์กนั้นจะทำได้ทีละเป้าหมายเท่านั้น
- Rally Cry: กำจัดสถานะความผิดปกติให้กับผู้เล่นทั้งหมด
และสุดท้ายกับความสามารถขั้นสุดยอดของ Interceptor ที่เรียกว่า Assassin’s Blade ที่เมื่อใช้งานมันก็จะทำให้ความสามารถในการโจมตีระยะประชิดของ Interceptor มีความรุนแรงมากขึ้นด้วยดาบคู่ที่จะถูกชักออกมาใช้งาน เพื่อใช้ในการสะบั้นสิ่งที่ขวางหน้าได้อย่างรวดเร็ว
และนี่ก็คือข้อมูลของระบบ Class ทั้งหมดของ Anthem เท่าที่เรามีในตอนนี้ และหากมีความคืบหน้าของเกม Anthem ออกมาเมื่อไหร่เราก็จะมาทำการอัปเดตให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกันอย่างทันท่วงทีก่อนที่เกมจะออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2019 ทั้งบน PlayStation 4, PC และ Xbox One