สิ่งที่อยู่คู่กับเกมแนวแอ็กชันผจญภัย มาโดยตลอดและทำให้เกมแนวนี้มีเอกลักษณ์แตกต่างจากเกมแนวอื่น ก็คงเป็นปริศนา (Puzzle) ของเกมที่ทำออกมาให้ผู้เล่นได้ขบคิดเพื่อที่จะหาหนทางในการไปต่อ และปริศนาเหล่านั้นก็มักจะทำให้ผู้เล่นจะต้องใช้กลไกของการ “ลองผิดลองถูก” (Trial & Error) อยู่เป็นประจำ เพื่อที่จะได้รู้ว่าปริศนาที่ตัวเกมได้วางเอาไว้มันมีกลไกการทำงานอย่างไร
ซึ่งการเลือกของเรานั้น ก็มักจะจบลงที่การตายและการโหลดเซฟเกมขึ้นมาใหม่อีกหลายต่อหลายรอบ จนกว่าเราจะหาวิธีการในการแก้ปริศนาที่ถูกต้องได้สำเร็จ แต่กลวิธีของการ “ลองผิดลองถูก” นั้นก็จะใช้ไม่ได้อีกต่อไปใน Shadow of the Tomb Raider
ข้อมูลเบื้องต้นของ Shadow of the Tomb Raider
- ผู้พัฒนา: Eidos Montreal
- ผู้ผลิต: Square Enix
- ผู้ออกแบบเกม: Heath Smith
- ผู้เขียนบทเกม: Jason Dozois และ Jill Murray
- เครื่องเกมที่วางจำหน่าย: PC, Xbox One, PlayStation 4
- วันวางจำหน่าย: 14 กันยายน 2018
- แนวเกม: Action-Adventure
Shadow of the Tomb Raider เป็นการกลับมาอีกครั้งเป็นภาคที่ 3 แล้วของไทม์ไลน์ใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “Survivor Timeline” ที่เป็นการนำเอาตัวละคร Lara Croft มาตีความใหม่และทำให้เธอมีความเป็นมนุษย์ธรรมดามากขึ้น และใน Shadow of the Tomb Raider ก็จะเป็นการปิดฉากไตรภาคนี้อย่างเป็นทางการ และมันก็จะเป็นเกม Tomb Raider ที่มีการแก้ปริศนาที่ไม่เหมือนเกมในภาคก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง
“เราพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการลองผิดลองถูก
Vincent Monnier ผู้อำนวยการฝ่ายเกมเพลย์ของ Shadow of the Tomb Raider
โดยเฉพาะกับการที่คุณจะต้องตายก่อนเพื่อที่จะได้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
คุณ Vincent Monnier ผู้อำนวยการฝ่ายเกมเพลย์ของ Shadow of the Tomb Raider ได้อธิบายถึงปริศนาของตัวเกมที่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในภาคนี้กับทางนิตยสาร PC Gamer ฉบับเดือนมิถุนายน 2018 ว่า มันจะไม่ใช้ปริศนาที่จะต้องใช้การลองผิดลองถูกอีกต่อไปแล้ว และผู้เล่นก็จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาการสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบๆ รอบๆ ตัวมากขึ้นไปพร้อมกับ ภยันตรายที่อยู่รายล้อมในขณะที่ทำการแก้ปริศนา
“สิ่งที่เราใช้มาตั้งแต่การเริ่มต้นกับไตรภาคนี้คือสิ่งที่เรียกว่า ‘Tinkering’ (การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ของวัตถุที่สามารถสังเกตได้เช่นการทำให้วัตถุส่องประกายออกมา) ที่เราได้ใช้ในการชี้นำผู้เล่นผ่านวัตถุทางกายภาพในเกมว่า คุณจะต้องดึงไอ้เจ้าสิ่งนี้นะเพื่อที่จะทำให้มันผ่านไปได้ด้วยความรู้สึกว่า ‘โอ้ ถ้าฉันเอาไอ้นั่นมาวางลงใส่ไอ้นี่ ไอ้เจ้าสิ่งนี้มันก็จะทำงานสินะ แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ฉันก็น่าจะต้องตายแน่ๆ’ และนั่นก็เป็นกลไกที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้เล่นไม่รู้สึกว่าถูกเกมโกง เพราะมันมีวิธีการที่จะบอกคุณให้คาดคิดถึงกับอันตรายหลายๆ อย่างที่จะเป็นผลสืบเนื่องมา”
และปริศนาในภาคนี้จะมีความยากและความท้าทายมากขึ้นกว่าเดิมด้วย ซึ่งด้วยความยากของปริศนาในเกมนี้เองที่ทำให้ทางทีมงาน Eidos Montreal ตัดสินใจที่จะเพิ่มตัวเลือกในการปรับระดับความยากอันซับซ้อนกว่าเกมอื่นๆ เข้าไปใน Shadow of the Tomb Raider ด้วยการให้ผู้เล่นเลือกปรับระดับความยากง่ายของเกมได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในส่วนของระบบการต่อสู้ (Combat) การสำรวจ (Exploration) และการแก้ปริศนา (Puzzle)
Shadow of the Tomb Raider คือบทสรุปของทุกอย่างในไตรภาค Survivor นี้ แม้มันจะมีการเปลี่ยนแปลงทีมพัฒนาจาก Crystal Dynamics มาสู่ทีมงาน Eidos Montreal แต่ด้วยชื่อชั้นของพวกเขาและแนวคิดไอเดียและความกล้าในการทดลองใส่สิ่งใหม่ๆ เข้าไปในเกมที่ดีอยู่แล้ว ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวว่า Shadow of the Tomb Raider จะมีดีมากกว่าที่เราได้เห็นไปหรือไม่?
เกร็ดเล็กที่ไม่น้อย:
- Eidos Montreal ผู้รับช่วงต่อจากทีมพัฒนา Crystal Dynamic ผู้พัฒนาเกม Tomb Raider คือู้สร้างเกม Deus Ex: Human Revolution และ Deus Ex: Mankind Divided
- เกม Deus Ex: Human Revolution คือเกมที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับ Tomb Raider (2013)
- Tomb Raider ภาคต้นฉบับเมื่อปี 1996 เป็นเกมแรกๆที่มีการใช้โมเดล 3 มิติเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นผลงานการพัฒนากว่า 3 ปีของทีมงาน Core Design ที่มีพนักงานเพียงแค่ 6 คนเท่านั้น
แหล่งข้อมูลอ้างอิง: