นอกจากเนื้อเรื่องและระบบการเล่นพื้นฐานที่ทาง Ubisoft และทีมงาน Massive Entertainement ได้มีการปรับปรุงแก้ไขไปในหลายๆส่วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเนื้อเรื่องที่จะมีมิติของตัวละครที่มากขึ้น ไปจนถึงระบบ Raid ที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน The Division 2 ในส่วนของระบบการปรับแต่งตัวละครนั้น ก็จะเป็นหนึ่งส่วนที่ทางทีมพัฒนาต้องการต้องที่ทำการปรับปรุงให้มันมีรายละเอียดที่มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ข้อมูลเบื้องต้นของ The Division 2
- ผู้พัฒนา: Massive Entertainment
- ผู้ผลิต: Ubisoft
- เกมเอนจิ้น: Snowdrop
- เครื่องเกมที่วางจำหน่าย: PC,Xbox One,Playstation 4
- วันวางจำหน่าย: 15 มีนาคม 2019
- แนวเกม: Action,Role-Playing,Survival
จาก Gear Sets ในภาคแรกสู่ Brand Sets ใน The Division 2
The Division ภาคแรกนั้นมีระบบการปรับแต่งตัวละครที่ค่อนข้างน้อย และก็ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถสร้างตัวละครในสไตล์การเล่นของตัวเองได้ออย่างอิสระนัก แม้มันจะมีการใส่ระบบ Gear Sets เข้าในภายหลังกับ เซตไอเทมและอุปกรณ์ขั้นสูงของตัวเกมที่จะได้มาก็ต่อเมื่อผู้เล่นต้องทำภารกิจตามที่ตัวเกมกำหนด ซึ่งหากผู้เล่นสามารถสะสมไอเทมและสวมใส่ได้ครบตามจำนวนได้ตามที่กำหนด มันก็จะให้โบนัสพิเศษแก่ผู้เล่นที่มากกว่าการส่วมใส่อุปกรณ์แบบธรรมดา
ระบบ Brand Sets ใหม่ที่จะเข้าถึงได้ตั้งแต่แรกทันทีที่เริ่มเกม
แต่ใน The Division 2 นั้นนอกจากระบบ Gear Sets แบบเดิมที่จะยังคงอยู่ในเกมแล้ว มันยังมีระบบใหม่ที่เรียกว่า Brand Sets อีกด้วย ซึ่งระบบที่ว่านี้ก็คือระบบ ‘ยี่ห้อ’ ตามชื่อของมันนั่นเอง ที่แต่ละเครื่องแต่งกายที่ผู้เล่นสวมใส่นั้นจะมียี่ห้อหรือแบรนด์ที่แตกต่างกันออกไป และแต่แบรนด์หรือยี่ห้อนั้นก็จะมีการให้โบนัสที่แตกต่างกันไปอีกด้วย
อาจจะฟังดูเหมือนกับระบบ Gear Sets แต่สิ่งที่ทำให้มันแตกต่างก็คือ Brand Sets นั้นจะเป็นไอเท็มทั่วๆไปที่อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องทำภารกิจตามเงื่อนไขเหมือนอย่าง Gear Sets และมันก็ให้โบนัสพิเศษทันทีที่สวมใส่โดยไม่จำเป็นที่จะต้องสวมใส่ให้ครบตั้งเซต แต่ยิ่งผู้เล่นสะสมหรือสวมใส่อุปกรณ์ที่แบรนด์หรือยี่ห้อเดียวกันหลายๆชิ้นมันก็จะให้โบนัสที่มากขึ้นไปตามจำนวนที่สวมใส่ และหากทำการสวมใส่จนครบทั้งเซต มันก็จะให้ความสามารถพิเศษ (Talents) แก่ผู้เล่นด้วย
ระบบ Brand Sets จะทำให้ผู้เล่นแต่ละคนสามารถสร้างตัวละครที่มีความเป็นปัจเจกได้
และด้วยความสามารถพิเศษที่ผู้เล่นจะได้จาก Brand Sets นั้นก็จะทำให้ผู้เล่นอาจจะจำเป็นที่จะต้องเลือกการสร้างตัวละครให้มีความเหมาะสมกับเซตอุปกรณ์ที่ทำการสวมใส่ ซึ่งความสามารถบางอย่างนั้นก็อาจจะทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่า มันได้กลายเป็นความสามารถที่ใช้งานได้อย่างคล่องแคล่วและการหา Brand Sets ต่างๆเพื่อให้ได้มาซึ่งความสามารถนั้นๆก็จะมีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งใน The Division 2 นั้นก็ยังมีระบบ Specialization อีกด้วย ที่จะเป็นระบบ Sub Class ใหม่ที่ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะให้ตัวละครของตนเองนั้นมีแนวทางการเล่นในแนวไหน และมันก็จะทำให้ผู้เล่นแต่ละคนมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
และด้วยระบบ Raid ที่จะเป็นส่วนที่ท้าทายที่สุดใน The Division 2 ที่จะเป็นการรวมทีมกันของผู้เล่น 8 คนเพื่อฟันฝ่าภารกิจที่ยากและท้าทายที่สุดในเกมนั้น ก็อาจจะจำเป็นที่ผู้เล่นแต่ละคนจำเป็นที่จะต้องมีความสามารถที่แตกต่างกันเพื่อเป็นการเกื้อหนุนความสามารถต่างๆและกลบจุดบอดซึ่งกันและกันก็เป็นได้ ซึ่ง The Division 2 นั้นจะสามารถลบล้างความผิดพลาดจากเกมภาคแรกได้หรือไม่นั้นก็ต้องติดตามรอกันต่อไปจนกว่าจะถึงวันที่มันออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
เรียบเรียงโดยทีมงาน Gamerism.co
เกร็ดเล็กที่ไม่น้อย :
- The Division เตรียมถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แล้ว และจะได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง David Leitch ที่เคยฝากผลงานมาแล้วกับภาพยนตร์อย่าง Deadpool 2 และอาจจะได้ดาราดังอย่าง Jessica Chastain และ Jake Gyllenhaal มาร่วมแสดงด้วย
- ซีรี่ส์ The Division เตรียมออกหนังสือที่จะเป็นการอธิบายเรื่องราวปูมหลังต่างๆของตัวเกมในปี 2019 ในชื่อ ‘The World of Tom Clancy’s The Division’ ที่จะมีความหนา 192 หน้า
- ตัวเกมในภาคนี้มีการใช้ทีมพัฒนากว่า 1,000 ในการสร้าง และอาจจะเป็นเกมที่ใช้ทีมพัฒนามากที่สุดเท่าที่ Ubisoft เคยทำมา
- จำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าเล่น The Division 2 Beta นั้นทำลายทุกสถิติของเกมจาก Ubisoft ที่ได้เคยเปิดให้ลงทะเบียนเข้าเล่นเกมในเวอร์ชั่น Beta
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :