ในเกมที่มีรูปแบบการเล่นออนไลน์ขนาดใหญ่หรือที่เราเรียกกันว่า (MMO, Massive Multiplayer Online) นั้น สิ่งหนึ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือระบบที่เรียกว่า ‘Raid’ ที่มักจะเป็นภารกิจพิเศษสำหรับผู้เล่นสายฮาร์คอร์ ที่ต้องรวมกลุ่มกันเพื่อฟันฝ่าภารกิจที่ท้าทายมากที่สุดของตัวเกมเพื่อรางวัลต่างๆ ที่อาจจะไม่สามารถหาได้ในภารกิจปกติ และใน The Division 2 นั้นมันก็จะมาพร้อมกับระบบ Raid ที่มีความลึกมากขึ้นกว่าเดิม
ข้อมูลเบื้องต้นของ The Division 2
- ผู้พัฒนา: Massive Entertainment
- ผู้ผลิต: Ubisoft
- เกมเอนจิ้น: Snowdrop
- เครื่องเกมที่วางจำหน่าย: PC,Xbox One,Playstation 4
- วันวางจำหน่าย: 15 มีนาคม 2019
- แนวเกม: Action,Role-Playing,Survival
The Division 2 เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการที่ทาง Ubisoft ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นกันใหม่ทั้งหมดในเกมภาคนี้เพื่อปรับปรุงข้อผิดพลาดที่ได้เกิดขึ้นในเกมภาคที่แล้ว และในภาคนี้มันยังเป็นการพาเราไปสู่พื้นที่แห่งใหม่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่จะมาพร้อมกับระบบ Progression ได้รับการปรับปรุงมากขึ้น และเนื้อหาในช่วงหลังจากการเล่นจบ (End Game Contents) ที่มากกว่าเดิม และนี่ก็คือรายละเอียดของระบบ Raid ใน The Division 2 ที่ดูแล้วน่าจะทำให้มันมีความสนใจมากขึ้นกว่าเดิม
ทำไมระบบ Raid ใน The Division 2 จึงมีความสำคัญ
แม้ The Division นั้นจะมีการวางรากฐานไว้อย่างแข็งแกร่ง กับการสร้างโลกหลังหายนะที่ไม่มีใครเหมือน แต่ถึงกระนั้นในช่วงหลังจากที่เกมออกวางจำหน่ายมันก็เต็มไปด้วยปัญหามากมาย ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนๆ ไม่พอใจเป็นอย่างมากก็คือเนื้อหาหลังจากจบเกมที่แห้งแล้งไม่สมกับการเป็นเกมออนไลน์ที่จะต้องมีกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้เล่นได้ทำ นอกเหนือไปจากระบบ Dark Zone ที่เป็นพื้นที่สำหรับการต่อสู้กันแบบ Player vs. Player แต่ถึงแม้ตัวเกมจะมีการอัปเดตระบบภารกิจรายวันหรือ DLC อื่นๆ มาให้ในภายหลัง ก็ดูเหมือนว่ามันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ผู้เล่นพึงพอใจได้อันเนื่องด้วยข้อจำกัดของตัวเกมที่ได้ถูกดีไซน์เอาไว้แต่แรก และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ทาง Ubisoft ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ใน The Division 2
และระบบ Raid นั้นก็คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ The Division 2 ที่จะเป็นการนำเสนอภารกิจสุดโหดอันยาวนาน และมันก็จะเป็นภารกิจที่จะมีความท้าทายมากที่สุดในเกม เหมือนดังเช่นในเกมคู่แข่งอื่นๆ ที่อยู่ในแนวเดียวกัน ซึ่งภารกิจในรูปแบบ Raid นั้นจำเป็นที่จะต้องมีการใช้ทีมเวิร์คเป็นอย่างมากในการผ่านบททดสอบของตัวเกมที่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อทดสอบความร่วมมือกันระหว่างผู้เล่นเป็นพิเศษ ซึ่งจะเป็นการรวมทุกแมคคานิคของตัวเกมมาไว้ในหนึ่งภารกิจที่ผู้เล่นจะต้องร่วมมือกันต่อสู้ และระบบ Raid ของ The Division 2 ก็จะมอบประสบการณ์เช่นนั้นให้กับผู้เล่นอย่างแน่นอนจากการยืนของคุณ Julian Gerighty ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ The Division 2 ที่เขาได้ให้นิยามของมันว่าเป็น ‘จุดสุดยอด‘ ของ The Division 2 เลยทีเดียว จากการให้สัมภาษณ์กับทาง Gamertag Radio
แล้วระบบ Raid ของ The Division 2 จะออกมาในรูปแบบไหน?
Ubisoft นั้นได้ให้คำยืนยันชัดเจนว่า Raid จะเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาของเกมหลังจากที่เล่นเนื้อเรื่องหลักจบแล้ว นั่นหมายความว่ามันจะมีการจำกัดให้เล่นได้เฉพาะกับผู้เล่นที่มีเลเวลสูงเท่านั้น ซึ่งอาจจะเข้าถึงได้ก็ต่อเมื่อผู้เล่นทำคอนเทนท์ต่างๆ ทั้งหมดของตัวเกมไปแล้วจนระดับของผู้เล่นนั้นสูงพอ โดยคุณ Julian Gerighty นั้นได้อธิบายว่าทางทีมงานจะเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ในการเล่นให้ผู้เล่นไม่รู้สึกว่ามันมีความซ้ำซากและน่าเบื่อ และมันก็จะเป็นส่วนสำคัญสำหรับผู้เล่นระดับ ‘Super Hardcore’ ที่จำเป็นที่จะต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่จะมีได้ในการเข้ามาลุยใน Raid ที่ทีมงานได้สร้างขึ้นมา
Raid ของ The Division 2 นั้นจะรองรับการเล่นร่วมกับผู้เล่นทั้งหมด 8 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่า Raid ของเกมคู่แข่งอย่าง Destiny 2 ที่ใช้ผู้เล่นเพียงแต่ 6 คนเท่านั้นในการลง Raid แต่ละครั้ง ซึ่งจะทำให้มันต้องใช้การร่วมมือกันที่มากยิ่งขึ้นกว่าเกมอื่นๆ และใน The Division 2 นั้นมันก็มาพร้อมกับระบบใหม่อย่าง ‘Specialization’ ที่จะทำให้บทบาทของผู้เล่นแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันออกไป ดังนั้นการสื่อสารจึงจะเป็นคีย์ที่สำคัญที่สุดในการที่จะพิชิต Raid ใน The Division 2
The Division ภาคแรกนั้นมีโหมดการเล่นที่เรียกว่า ‘Incursion’ ปล่อยออกมาภายหลังจากที่เกมออกวางจำหน่าย กับการนำเสนอเนื้อหาในช่วงหลังจบเกมที่มีความท้าทายมากที่สุดเท่าที่ตัวเกมจะมีได้ และแม้ว่ามันจะขาดด้านความลึกไปบ้างแต่ผู้เล่นหลายคนก็ยังสนุกกับโหมดการเล่น ‘Incursion’ อยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งก็น่าสนใจไม่น้อยว่าระบบ Raid ของ The Division 2 จะมีความแตกต่างจาก ‘Incursion’ มากขนาดไหนด้วยจำนวนผู้เล่นที่มากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งคุณ Julian Gerighty ย้ำนักย้ำหนาก็คือ ‘ความสามารถในการหวนกลับมาเล่นใหม่’ โดยไม่ทำให้ผู้เล่นเบื่อนั้นจะเป็นสิ่งที่ทีมงานให้ความใส่ใจเป็นอย่างมากแน่นอน เพราะมันจำเป็นที่จะต้องมีความน่าสนใจพอที่จะทำให้ผู้เล่นหวนกลับมาเล่นได้เรื่อยๆ “และใช้เวลาไปกับมันอีกนับร้อยๆ ชั่วโมง”
แน่นอนว่า Raid ของ The Division 2 นั้นจะต้องมาพร้อมกับของรางวัลให้แก่ผู้ที่พิชิตมันลงได้ และมันก็จะทำให้ผู้เล่นมีความแตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งยังไม่ยืนยันว่าสิ่งที่จะทำให้ผู้พิชิต Raid มีความแตกต่างนั้นจะเป็น อาวุธ, ชุดเกราะ, หรือเครื่องตกแต่งของตัวเกม ซึ่งเราก็คงต้องรอรายละเอียดของมันอีกต่อไป
ระบบ Raid ของ The Division 2 จะปล่อยออกมาตอนไหน?
ทาง Ubisoft นั้นได้เปิดเผยแผนงานออกมาแล้วว่าพวกเขาจะปล่อยคอนเทนท์ที่หลากหลายให้กับ The Division 2 ในรูปแบบของ DLC หลังจากที่ออกวางจำหน่ายในทุกๆ เดือนอย่างแต่นอน โดยมันจะการปล่อยส่วนเสริม (Expansion) ใหญ่ของตัวเกมถึง 3 ตัวในปีแรก พร้อมกับการอัปเดตระบบใหญ่และอีเวนท์ต่างๆ ตลอดทั้งปีอย่างแน่นอน
แต่ถึงระบบ Raid ใน The Division 2 นั้นจะเป็นส่วนสำคัญของตัวเกม แต่ถึงกระนั้นมันก็อาจจะไม่ได้ปล่อยออกมาทันทีในวันแรกที่ตัวเกมออกวางจำหน่าย โดยจากการให้สัมภาษณ์กับทาง GamerTag Radio นั้นคุณ Julian Gerighty ก็บอกไว้ว่ามัน “อาจจะไม่ได้มาทันทีในวันแรก” ที่มันออกวางจำหน่าย แต่อาจจะปล่อยออกมา “ในอีกสองถึงสามสัปดาห์ต่อมา” เหมือนกับ Destiny 2 ที่จำเป็นที่จะต้องให้เวลาแก่ผู้เล่นในการเก็บเลเวลที่มากพอจนสามารถเข้าไปเล่นในส่วนของ Raid ได้ และมันก็จะมีการปล่อยภารกิจ Raid ใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ในปีแรก เพื่อดึงดูดให้ผู้เล่นๆ คอนเทนท์อื่นๆ ของตัวเกมเพื่อที่จะมาเล่นใน Raid ต่างๆ ที่จะทยอยปล่อยออกมาตลอดทั้งปี
เรียบเรียงโดยทีมงาน Gamerism.co
เกร็ดเล็กที่ไม่น้อย :
- The Division เตรียมถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แล้ว และจะได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง David Leitch ที่เคยฝากผลงานมาแล้วกับภาพยนตร์อย่าง Deadpool 2 และอาจจะได้ดาราดังอย่าง Jessica Chastain และ Jake Gyllenhaal มาร่วมแสดงด้วย
- ซีรี่ส์ The Division เตรียมออกหนังสือที่จะเป็นการอธิบายเรื่องราวปูมหลังต่างๆของตัวเกมในปี 2019 ในชื่อ ‘The World of Tom Clancy’s The Division’ ที่จะมีความหนา 192 หน้า
- ตัวเกมในภาคนี้มีการใช้ทีมพัฒนากว่า 1,000 ในการสร้าง และอาจจะเป็นเกมที่ใช้ทีมพัฒนามากที่สุดเท่าที่ Ubisoft เคยทำมา
- จำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าเล่น The Division 2 Beta นั้นทำลายทุกสถิติของเกมจาก Ubisoft ที่ได้เคยเปิดให้ลงทะเบียนเข้าเล่นเกมในเวอร์ชั่น Beta
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
