Starfield จะเป็นเกมสำหรับ Generation ใหม่ทั้งฮาร์ดแวร์ และเกมเพลย์

จากผู้สร้าง Fallout และ Elder Scrolls สู่เกมใหม่ที่ชื่อ Starfield

แม้ความสำเร็จของ Elder Scrolls V: Skyrim จะทำให้มันเป็นเกมที่สร้างชื่อให้กับทาง Bethesda Games Studios มาเกือบทศวรรษในฐานะที่เป็นเกมเป็นดั่งประตูบานแรกของใครหลายคนในการก้าวเข้ามาสู่โลกของเกม RPG ทางฝั่งตะวันตก และนำพาให้หลายๆคนได้รู้จักเรื่องราวในจักรวาลของ Elder Scrolls มากขึ้น เช่นเดียวกับเกมในซีรี่ส์ Fallout ที่หลายคนเองก็คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี และมันเองก็กำลังจะออกวางจำหน่ายภาคใหม่อย่าง Fallout 76 ในช่วงสิ้นปีนี้

FAST FACTS:

  • Bethesda เป็นชื่อเมืองในรัฐแมริแลนด์ที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Bethesda Softworks ที่ปัจจุบันเป็นบริษัทลูกของ Zenimax Media และมีทีมพัฒนา Bethesda Games Studios อยู่ในสังกัด
  • Fallout ดั้งเดิมเป็นผลงานของทางค่าย Interplay Entertainment ก่อนที่จะขายแฟรนไชส์นี้ไปให้กับทาง Bethesda เพราะปัญหาทางด้านการเงินของบริษัท

แต่ถึงแม้ Bethesda Games Studios จะมีแฟรนไชส์ในระดับยักษ์ใหญ่อย่าง Elder Scrolls และ Fallout อยู่ในมือ ที่ออกมายังไงก็ยังการันตีในเรื่องยอดขายได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็คงไม่อยากที่จะหยุดอยู่กับแค่เพียง 2 ซีรี่ส์ที่สร้างชื่อให้กับพวกเขาไว้เพียงนี้ เพราะ Starfield ก็คือเกมไตเติ้ลใหม่ของพวกเขาในรอบ 25 ปีที่จะไม่ใช่เพียงแค่เกมที่ออกมาเพื่อคั่นเวลาอย่างแน่นอน

โดยคุณ ทอดด์ ฮาเวิร์ด ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ของ Bethesda Games Studios ได้ออกมาเล่าถึงสิ่งที่พวกเขาอยากจะทำมาโดยตลอดให้กับพวกเราได้ฟังกัน และสิ่งที่ว่านั้นก็คือเกมที่ชื่อว่า Starfield นั่นเอง ที่ได้มีการเปิดตัวไปอย่างเป็นทางการในงาน E3 2018 เมื่อเดือน มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเขาเองก็ตั้งใจที่จะทำให้เกมๆนี้เป็นเกมสำหรับยุคใหม่ของวงการเกมเลยทีเดียว

แต่คำว่ายุคใหม่ที่คุณ ทอดด์ ฮาเวิร์ด บอกนั้นคือยุคใหม่ในแง่ไหนกันล่ะ?

Todd Howard

“มันหมายถึง 2 สิ่ง” คุณทอดด์ ฮาเวิร์ด ได้บอกกับทางทีมงานของเว็บไซต์ OnlySP ในการให้สัมภาษณ์ที่งาน Gamelab ประเทศสเปน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “สำหรับเราแล้วมันหมายถึงทั้งด้านของฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ด้วยกันทั้งคู่ และมันก็หมายถึงเกมการเล่นอีกด้วย”

“ระบบที่เราจะลงให้นั้นหรือจะเป็นข้อกำหนดในเรื่องของฮาร์ดแวร์สำหรับตัวเกมยังเป็นเรื่องที่เราเองก็ยังอยู่ในระหว่างตัดสินใจ เรากำลังผลักดันมันให้ไปให้ได้ไกลมากที่สุด และไกลจนอาจจะทำให้สิ่งที่เรากำลังสร้างอยู่นั้นต้องใช้ฮาร์ดแวร์ในยุคถัดไปในการรับมือกับมันก็เป็นได้ นั่นคือสิ่งที่เรากำลังสร้างกันอยู่ตอนนี้ มันคือสิ่งที่เรากำลังคิดอยู่หัวของเรา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ได้คิดถึงเครื่องเกมในยุคปัจจุบันซะทีเดียวนะ”

แม้ Fallout 76 จะเป็นการแผ้วถางทางให้กับ Bethesda Games Studios ในการสร้างเกมเพลย์ในรูปแบบเกม Multplayer แต่ Starfield นั้นจะเป็นเกมที่มีการเล่นในรูปแบบ Single-Player เป็นหลักอย่างแน่นอน ซึ่งเราเองก็คงจะคุ้นเคยกันกับเกมเกมการเล่นที่มีความคล้ายคลึงกันของทั้งซีรี่ส์ Fallout และ Elder Scrolls กันมาพอสมควรแล้ว (และหลายๆคนเองก็คงจะเริ่มเบื่อ) แต่ Starfield นั้นมันจะสามารถสร้างความแตกต่างได้ขนาดไหนกันเชียวล่ะ?

“ผมยังไม่อยากตอบว่าใช่หรือไม่กับอะไรทั้งนั้น เพราะผมเองก็ไม่แน่ใจว่าจะสื่อความหมายให้กับผู้อ่านที่ได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้ได้หรือเปล่า แต่ก็ใช่ มันจะมีแตกต่างออกไปแน่นอน แต่ถ้าหากคุณได้มีโอกาสที่จะได้นั่งลงและลองเล่นมัน คุณก็จะจดจำอะไรอย่างในสิ่งที่เราเคยสร้างมาได้ ซึ่งมันก็น่าจะสมเหตุสมผลใช่มั้ยล่ะ? เพราะมันเองก็ยังคงมี DNA ของพวกเราอยู่ในนั้นและมันก็เป็นสิ่งที่พวกเราชอบ”

“แต่มันจะมีระบบใหม่อีกมากมายที่เรากำลังคิดกันอยู่มาสักพักแล้ว ที่มันจะเข้ากับเกมที่พวกเรากำลังสร้างอยู่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราก็จะพูดถึงมันในอนาคต”

โปรเจ็ค Starfield นั้นเป็นโปรเจ็คที่คุณ ทอดด์ ฮาเวิร์ดและทีมงาน Bethesda Games Studios พยายามที่จะผลักดันกันมานานแล้ว ก่อนที่จะมาเริ่มลงแรงกันอย่างจริงจังหลังจากที่ Fallout 4 ออกวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2015 ซึ่งเดิมทีแล้วมันเป็นสิ่งที่พวกเขาเริ่มพูดคุยกันมาตั้งแต่ปี 2004 ในการที่จะสร้างเกมๆนี้ขึ้นมา

“เราได้ทำลิสท์รายชื่อในสิ่งที่เราอยากที่จะทำมันในอนาคตและมันก็คือเกมแนว Science-Fiction สุดยิ่งใหญ่ที่อยู่ในหัวเรามาโดยตลอด แต่โอเคแหละนะที่โลกหลังหายนะนั้นก็เป็นตัวเลือกแรก และไซไฟนั้นก็คือลำดับที่สองในตอนนั้น ซึ่งในตอนนั้นเราก็คงต้องเริ่มต้นสร้างโลกหลังหายนะกันเองหากไม่ได้ชื่อของ Fallout จากทาง Interplay มาเมื่อปี 2004”

และอีกนานไหมกว่าเราจะได้ชมเกมเพลย์ของ Starfield นั้น ก็ดูเหมือนว่าน่าจะมีเพียงคุณทอดด์ ฮาเวิร์ดเท่านั้นที่รู้ แต่เราก็เชื่อว่าน่าจะอีกไม่นานเกินรอแน่นอน เพราะจากบทสัมภาษณ์นั้น คุณทอดด์ ฮาเวิร์ดก็ได้บอกเอาไว้แล้วว่า ตัวเกมนั้นได้เริ่มทำการพัฒนากันอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2015 และมันก็สามารถที่จะ “เล่นได้แล้ว” ก็ไม่แน่ว่าในงาน E3 2019 นั้นเราอาจจะได้เห็นตัวอย่างเกมเพลย์และวันวางจำหน่ายของมันก็เป็นได้


แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

ข่าวอื่นๆที่น่าสนใจในรอบวัน:

Share this article
0
Share
0 Share
0 Tweet
0 Share
0 Share
Shareable URL
Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

0
Share