A Jankhammer 40K experience.
Necromunda : Hired Gun เป็นเกมแนว FPS จากจักรวาล Warhammer 40K พัฒนาโดย Streum On ผู้เคยฝากผลงานในจักรวาล WH40K ไว้ก่อนหน้าจาก Warhammer 40K Space Hulk : Death Wing และผลงานในอดีตอันเลื่องชื่ออย่าง E.Y.E : Divine Cybermancy ที่ดีไซน์ตัวละครก็ดึงมาจากจักรวาล Warhammer 40K เต็มๆ
ฉะนั้นผมจึงบอกได้เลยว่า Necromunda : Hired Gun คือผลงานที่สตูดิโอนี้ตั้งใจทำขึ้นมาจากใจที่รักแฟรนไชส์ Warhammer 40K จริงๆ แต่ด้วยความที่สตูฯ มีขนาดเล็กมาก ทำให้เกมที่ออกมานั้น “ไม่ค่อยเต็ม” เท่าไหร่
แล้วทำไมผมถึงตั้งชื่อหัวข้อว่า “ผมไม่ได้รีวิว” คุณคงจะสงสัย ใช่มั้ยครับ? นั่นเพราะผมยังเล่นไม่จบนั่นเอง แต่นั่นก็เป็นเพราะว่า ตัวเกมมันมีปัญหาเยอะมาก จนทำให้ผมเล่นต่อไม่ไหว (ซึ่งผมจะสาธยายให้ฟังย่อหน้าท้ายๆ) แต่ผมก็อยากเอาประสบการณ์ที่ผมมีกับเกมนี้มาแชร์ให้คุณผู้อ่าน ถ้าเรียกง่ายๆ ก็คงเป็นบทความ First Impressions แหละครับ แค่ผมเพิ่งมาเขียนตอนเกมออกไปอาทิตย์กว่าแล้ว
ใน Necromunda : Hired Gun คุณจะรับบทเป็นมือปืนรับจ้างที่อยู่ใน Necromunda หนึ่งใน Hive World ของจักรวาลวอร์เกม Warhammer 40K ที่มีลักษณะเป็นเหมือนโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งแมพในเกมก็จะเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่เป็น Industrial รางรถไฟขนาดยักษ์ รางสายพานลำเลียง เตาถ่านนับสิบวางเรียงกัน และองค์ประกอบแนว Neo-Gothic ผสมกับ Dieselpunk ในแบบฉบับของ Warhammer ก็ทำให้มันดูใหญ่โตมโหฬาร บวกกับโทนสีดำ ทอง แดง ก็ทำให้แต่ละสถานที่ดูน่าหวาดกลัวไปในเวลาเดียวกัน แต่ในพื้นที่หนึ่งจะแบ่งเป็นหลายระดับชั้น ตามแบบ Necromunda เวอร์ชั่นวอร์เกมเป๊ะๆ ที่เซ็ตติ้งบนหน้ากระดานจะเป็นสิ่งก่อสร้างหลายๆ ชั้นซ้อนกัน ซึ่งสภาพแวดล้อมในเกมนั้น ทีม Streum On ออกแบบมาอย่างประณีตมากๆ และมันเข้ากับเกมเพลย์ของตัวเกมได้เป็นอย่างดี
ด้วยความที่มันเป็นเกม FPS ดังนั้นทั้งเกมสิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ยิงๆๆๆๆๆๆ อย่างเดียว ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น แต่ Hired Gun ก็มีลูกเล่นอย่างอื่นเพิ่มเข้ามา คุณสามารถสไลด์, แดชไปด้านข้างหรือแดชถอยหลังเพื่อหลบศัตรูได้, วิ่งไต่กำแพง, กระโดดได้สองจังหวะ, Grappling Hook ไว้โดดข้ามแพลตฟอร์มต่างๆ หรือทำให้โล่ของศัตรุหลุดจากมือ และก็มีลูกเล่นพลังพิเศษต่างๆ ที่มาจากการปรับแต่ง Bionics ในร่างกายของคุณ ตั้งแต่ชะลอเวลา ยันไปถึงล็อกเป้าศัตรูเป็น Aimbot หรือแม้กระทั่งยิงระเบิดติดตามตัวศัตรูก็มีให้คุณได้ใช้
น่าเสียดายที่ว่า ตัวละครคุณสามารถเลือกได้ แต่ทุกคนจะเหมือนๆ กันหมด ไม่ได้มีคาแรคเตอร์อะไรพิเศษ แบบคนนี้จะมีสกิลพิเศษเป็นอย่างนี้ๆ อีกคนก็จะเป็นอย่างนั้นๆ เกมนี้เลือกเล่นเป็นคนไหนตัวไหนก็เหมือนกัน อันนี้ถ้าเกิดสร้างคาแรคเตอร์ให้กับตัวละครแต่ละตัวได้ ก็น่าจะดีกว่านี้ และเนื่องจากสกิลทุกสกิลมันใช้ได้หมดถ้าอยากจะใช้ ดังนั้นตอนจะกดใช้สกิลก็ต้องเปิด Option Wheel ขึ้นมาเพื่อเลือกสกิล แต่กลายเป็นว่าตอนเราเปิด Option Wheel (หรือแม้แต่ Weapon Wheel) มันไม่หยุดเกมให้ ทำให้เราโดนศัตรูรุมยิงอย่างต่อเนื่องแบบนันสต็อปแม้เราจะกำลังเลือกสกิลที่จะใช้ โชคยังดีที่เกมมันให้เราตั้ง Keybinding ของแต่ละสกิลที่จะใช้ได้ (Default อยู่ที่ปุ่มตัวเลขข้างบน) แต่ถ้ามันทำให้เกมหยุดตอนเปิด Option Wheel ผมว่าน่าจะดีกว่า
อาวุธในเกมก็มีหลากหลายชนิด ตั้งแต่ปืนลูกโม่บ้านๆ ยันปืน Bolter อาวุธ Signature ประจำจักรวาล Warhammer 40K อาวุธทุกอย่างสามารถปรับแต่งได้ตั้งแต่ปากกระบอกปืนยันพานท้าย โดยอาวุธใหม่ๆ คุณจะหาได้จากการซื้อในร้าน หรือหาหีบสมบัติที่ซ่อนอยู่ในด่าน ซึ่งอาวุธและอุปกรณ์แต่ละส่วนก็จะมีแบ่งระดับสี แต่จะไม่ได้บ่งบอกระดับไอเทมแบบ Looter Shooter ทั่วไป (Common,Rare,Epic บลาๆๆ) แต่จะแทนที่ด้วย “ระดับการตีบวก” แทน ซึ่งคุณไม่สามารถตีบวกเองได้ อยากได้ไอเทมที่ตีบวกสูงกว่าคุณต้องไปลุ้นจากการดรอปจากหีบสมบัติเท่านั้น ซึ่งหีบตามฉากบางอันก็ไม่ได้มีตั้งไว้ให้คุณไปเปิดอย่างเดียว บางอันก็เป็นหีบกับดักที่ก็ต้องใช้ไอเทมเพื่อปลด และถ้าคุณไม่มั่นใจ คุณก็สามารถซื้อไอเทมที่จะช่วยให้ได้ Loot ที่คุณภาพสูงขึ้นได้ ซึ่งทุกอย่างคุณจะต้องจัดการให้เรียบร้อยในหน้า Prepare Screen ก่อนที่จะลงไปทำภารกิจ และคุณสามารถพก Medkit ไปได้แค่ 3 ชิ้น ไม่มีให้หาหรือซื้อเพิ่มระหว่างทาง ถ้าคุณเกิดพลาดท่าตายขึ้นมา คุณก็จะถูกชุบขึ้นมาด้วย Stimm ซึ่งทั้งภารกิจคุณก็จะมีแค่ 3 อันเหมือนกัน แต่สามารถซื้อได้ผ่าน Kiosk ที่อยู่ในฉาก หรือหาเก็บระหว่างทาง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดี ถ้าคุณตาย หลังจบภารกิจคุณจะถูกหักเงินรางวัลด้วย (คนเล่น Monster Hunter น่าจะคุ้นๆ กัน)
แต่คุณก็ไม่ได้ออกไปยิงศัตรูด้วยตัวคนเดียว คุณยังมีสุนัขคู่ใจ Mastiff ที่คุณสามารถ Summon มันออกมาเพื่อช่วยกำจัดศัตรูได้ และทุกครั้งที่มันถูกเรียกออกมา มันจะทำการ Mark ศัตรูทุกตัวในระยะสายตาให้ด้วย ทำให้คุณต่อสู้ได้สนุกขึ้น และคุณยังสามารถอัพเกรดมันได้อีก แต่ยิ่งอัพเกรดมันเท่าไหร่มันจะยิ่งดูน่ากลัวมากเท่านั้น เพราะการอัพเกรดมันคือการ “ปรับแต่ง” ตัวมันครับ จากหมาธรรมดากลายเป็นหมาติดเกราะ แล้วกรามก็กลายเป็นเหล็ก ไปๆ มาๆ จากหมาธรรมดากลายเป็น Cyberdog ไปเลย ถ้าคุณซีเรียสเรื่องรูปลักษณ์ของหมานี่คุณอาจจะเครียดนิดนึง
แต่ AI ของหมาเรา ไม่ค่อยดีครับ เอาจริงๆ นอกจาก Mark ศัตรูให้แล้วมันก็ไม่ค่อยทำอะไร สั่งมันไปโจมตีศัตรูบางทีมันก็ยืนเฉยๆ แค่มีของอะไรสักอย่างวางขวางหน้ามันก็ไม่ยอมวิ่งแล้ว
ปัญหาอีกอย่างผมเจอคือ เกมไม่มี Inventory Screen ให้ คุณได้ลูทอะไรมาคุณต้องเลือกว่าคุณจะเก็บไว้ก่อน หรือจะใส่เลย คุณจัดการช่องเก็บของคุณไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะเก็บอะไรได้ระหว่างทางก็ตาม คุณต้องไปเช็คดูในหน้าจอสรุปตอนจบภารกิจแล้วทั้งหมด และถ้าคุณจะใส่ของอะไรก็ตาม คุณต้องทำหน้า Prepare Screen ก่อนลงภารกิจเท่านั้น ไม่มีวิธีอื่น ทำให้รู้สึกติดขัดเล็กน้อย
แต่ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรยังไงก็ตาม Gunplay ของเกมนั้นดีมากๆ ปืนแต่ละกระบอกมีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนและทำหน้าที่ของมันได้สมบูรณ์แบบ ปืนโบลเตอร์ต้องเทอะทะ ใหญ่บังจอ แต่ยิงแรงจัด ยิงโดนหัวทีก็ถึงตาย ลูกซองก็ต้องยิงลูกปราย ยิงไกลๆ เบาเป็นเยี่ยวแมว ยิงใกล้ๆ ตัวต้องเละ Feeling มันถึงมาก บวกกับรูปแบบภารกิจแบบลงไปทำ 10 นาที 9 นาทีคือยิง อีก 1 นาทีคือคุณวิ่งหนีศัตรูมาหาหีบเก็บของกับพวกของฟื้นพลัง เพราะวิธีเดียวที่คุณจะฟื้นฟู Reactor Shield (ทำหน้าที่เป็นเกราะ) ของคุณมีแค่ฆ่าศัตรู กับวิ่งหาตามแมพอย่างเดียว บวกกับจำนวนศัตรูต่อกันไฟท์ที่มาระดับ “ห่า” ดังนั้นคุณไม่สามารถยืนเฉยๆ แล้วรอยิงศัตรูอยู่กับที่ไปเรื่อยๆ ได้ คุณต้องวิ่งไปรอบๆ ด้วยลูกเล่นต่างๆ ที่ผมบอกไปข้างต้น ทำให้ผมต้องเล่นไปพักไปเพราะแม่งเหนื่อยจริงๆ แต่ผมก็สนุกมากๆ ด้วย
เนื่องจาก Necromunda เป็นโลกอุตสาหกรรมขนาดยักษ์ ดังนั้นประชากรที่อาศัยในนั้นก็มักจะต้องสู้กันเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งภายในดาวก็จะมี Faction ยิบย่อยออกไป และแต่ละ Faction ก็จะเข้าห้ำหั่นกันเพื่อยึดครองพื้นที่ในดาว หน้าที่ของคุณในเกมนี้ก็คือ รับจ๊อบจากป้ายประกาศจากแก๊งต่างๆ ออกไปทำภารกิจให้เสร็จ แล้วก็รับตังค์ กินข้าว กลับมาเมือง Hub แล้วก็รับภารกิจต่อไป ซึ่งภารกิจในเกมก็จะแบ่งเป็นภารกิจหลักและรอง โดยภารกิจรองจะแบ่งเป็นคลาส ตามระดับความยากและ Progress เนื้อเรื่องที่คุณไปถึง ภารกิจก็จะมีหลายแบบทั้งป้องกันฐาน, ยึดฐาน, ฆ่าศัตรูตามที่กำหนด, ทำลายวัตถุ, ฯลฯ ที่แม้จะซ้ำๆ กันไปบ้าง แต่ด้วยความที่ Gunplay มันสนุกมากๆ ผมเลยให้อภัยได้ครับ
ศัตรูในเกมนั้นมีหลากหลายรูปแบบ นับตั้งแต่คนธรรมดา หมาออกศึก (แบบเดียวกับหมา Mastiff ของเรา) ไปจนถึงพวกตัวยักษ์ๆ ซึ่งแต่ละ Faction ศัตรูก็จะมีหน้าตาต่างกันไป แต่ก็จะเป็นชนิดเดียวกันอยู่ดี ซึ่งบางทีผมก็แยกไม่ออก แถมหมาของศัตรูยังดันหน้าตาเหมือนหมาเราอีก บางทีตอนยิงผมก็งงๆ ว่าตัวไหนหมาเรา ตอนใช้สกิลไฮไลท์ศัตรูก็ดันไฮไลท์เป็นสีเดียวกันอีก ยิงบางทีเผลอไปยิงหมาตัวเอง เหวอเลย
แม้ว่าตัวเกมจะมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อย่างที่ผมบอกไป มันกลับมีปัญหาร้ายแรงที่หนักกว่าทุกปัญหาที่ผมเจอในเกม คือมันเป็นปัญหาระดับ Technical ที่ผมจะ Crash ออกจากเกมทุกครั้งที่เล่นภารกิจไปได้ประมาณหนึ่ง และผมก็ Crash เวลาตอนจะอัพสกิล ด้วยสาเหตุมาจากเวลาเราจะอัพสกิลมันจะมี Video Playback โชว์ตัวอย่างของสกิลนั้นๆ ซึ่งไฟล์วิดีโอมันมีปัญหามันเลย Crash ผมเลยตัดสินใจที่จะหยุดเล่นเกมนี้ใน Chapter 4 และตัดสินใจรอแพชอัพเดทของเกมที่ทำให้เกมมันเสถียรกว่านี้ นอกจากนี้ปัญหาอื่นที่ผมเจอคือบทสนทนาในเกม การ Mix เสียงพากย์แย่มาก เสียงพากย์เบาจนโดนเสียงประกอบในฉากกลบจนหมด ซึ่งตอนที่ผมเขียนบทความนี้ทีมงานพัฒนาออก Patch มาแก้แล้ว แต่ผมก็ไม่ได้เห็นความต่างอะไร
ดังนั้นจึงเป็นที่มาของหัวข้อบทความที่ว่า “ผมไม่ได้รีวิว” เพราะผมเล่นเกมนี้ให้จบยังไม่ได้ จนกว่าเกมจะอยู่ในสภาพที่เสถียรกว่านี้ แต่โดยรวมผมค่อนข้างประทับใจกับเกมพอสมควร แม้ว่ามันจะค่อนข้างครึ่งๆ กลางๆ ในหลายๆ แง่ แต่ผมก็สนุกทุกครั้งที่ได้จับเม้าส์เล่น และผมก็หวังให้เกมมันออกอัพเดทมาแก้ปัญหาที่ยังค้างคาอยู่ในตอนนี้ไวๆ และถ้าเกมมันสเถียรมากพอแล้ว ผมจะกลับมาอัพเดทบทความชิ้นนี้ และมันจะได้กลายสภาพเป็นรีวิวได้อย่างเต็มตัวครับ
สำหรับท่านใดที่สนใจอยากจะลอง ตัวเกมสนนราคาอยู่ที่ 890 บาทขาดตัว ซึ่งผมว่าแรงใช้ได้ อาจจะรอให้ลดประมาณ 30% แล้วค่อยซื้อก็ได้ครับ ส่วนตัวผม ผม Pre-Order เกมมาเลย แต่ผมยืนยันว่าผมสนุกกะเกมจริงๆ และอยากให้ทุกท่านได้ซื้อมาลอง แม้ว่ามันจะเป็นเกมที่ต้องคำสาปของแฟรนไชส์ Warhammer ที่ออกวิดีโอเกมอะไรมาที่ไม่ใช่แนววางแผนมักจะออกมาแป้กๆ แต่ผมว่าเกมนี้ ทีมงาน Streum On ตั้งใจ และทะเยอทะยานกับมันเอามากๆ ซึ่งผมมองเห็นถึงสิ่งนั้นและก็ตัดสินใจ Pre-Order นั่นแหละครับ